“ขับดี” นวัตกรรมจากความห่วงใย เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้นในการทำงาน

ความปลอดภัยถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะความประมาทแม้เพียงเสี้ยววินาทีก็สามารถนำมาซึ่งความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ได้ โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงอุบัติเหตุบนท้องถนนซึ่งถือเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้มาก โดยหนึ่งในสาเหตุหลักคือภาวะหลับในของผู้ขับรถ จึงเป็นที่มาของการพัฒนาแอปพลิเคชัน “ขับดี” ซึ่งธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี นำเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) มาประยุกต์ใช้ โดยนำมาใช้กับรถขนส่งสินค้าของบริษัทฯ เพื่อเป็นตัวช่วยในการดูแลความปลอดภัยให้กับพนักงาน และเพื่อนร่วมท้องถนน

หวังดี

“ที่เอสซีจี เรามีนโยบายด้านความปลอดภัยและนำมาใช้อย่างเคร่งครัด โดยเรื่องการขับขี่ปลอดภัยก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เอสซีจีให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เป้าหมายของของเราคือ อุบัติเหตุต้องเป็นศูนย์ ดังนั้นนอกจากการใช้กฎความปลอดภัยและรณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อให้พนักงานทุกคนตระหนักถึงความสำคัญแล้ว เราได้พัฒนาเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเพื่อมาช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนโดยโฟกัสที่ผู้ขับรถ”

คุณโสภณ อารยะสถาพร Plant Reliability & Innovation Technology Center Manager บริษัทระยองวิศวกรรมและซ่อมบำรุง จำกัด ในธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี เล่าให้ฟังถึงที่มาของแอปพลิเคชัน “ขับดี” ซึ่งเกิดจากการระดมสมองร่วมกันของทีมงานวิศวกรผู้ทำงานเกี่ยวกับระบบ Artificial Intelligence หรือ AI สำหรับควบคุมการทำงานของเครื่องจักรและโรงงานมาก่อน ทางทีมได้ต่อยอดเอาแนวคิดนี้มาพัฒนาแอปพลิเคชัน “ขับดี” เพื่อให้ดิจิทัลสามารถตอบโจทย์ความปลอดภัยได้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเล็งเห็นว่านวัตกรรมนี้ไม่เพียงแต่จะสามารถใช้ในระบบรถขนส่งของโรงงานเท่านั้น ในอนาคตก็สามารถนำไปใช้กับรถขนส่งสาธารณะหรือรถส่วนบุคคล เพื่อเพิ่มการดูแลเรื่องความปลอดภัยได้อีกด้วย เกิดเป็นแรงผลักดันให้ทีมงานอยากสร้างนวัตกรรมที่ใช้ได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพในราคาสมเหตุสมผล

คิดดี

แล้วดิจิทัลจะตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัยในการขับรถได้อย่างไรบ้าง? กระบวนการคิดและค้นหาวิธีการจึงเริ่มต้นขึ้น

ทีมวิศวกรเริ่มต้นจากการศึกษาค้นคว้านิยามของความง่วงและความเหนื่อยล้าจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก และรวบรวมลักษณะท่าทางในทางกายภาพเหล่านั้นมาสร้างระบบที่สามารถตรวจเช็คใบหน้าและอากัปกิริยาที่แสดงถึงการสูญเสียสมรรถภาพในการขับขี่จากสาเหตุต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสัญญานของความเหนื่อยล้า เพลียสะสม ง่วงนอน หลับใน หรือใช้โทรศัพท์มือถือ

โดยแอปพลิเคชันขับดีจะทำการประมวลผลจากรูปแบบที่เปลี่ยนไปของดวงตา ปาก และใบหน้าของคนขับโดยใช้รังสีอินฟราเรดที่ไม่รบกวนขณะขับรถและสามารถใช้งานเวลากลางคืนได้ สามารถตรวจสอบได้แม่นยำไม่มีข้อจำกัดทั้งเรื่องขนาดหรือลักษณะองค์ประกอบของใบหน้า หรือแม้แต่ขณะสวมแว่นกันแดดอยู่ ตัวอย่างการประมวลผล ได้แก่ การตรวจจับสายตาที่หลุดจากโฟกัสของเส้นทาง คำนวนความสัมพันธ์ของสายตากับการขับรถ เช่น ขณะหักเลี้ยว ถอย หรือเบรค เป็นต้น

ใช้ดี

วิธีการทำงานของแอปพลิเคชัน “ขับดี” เริ่มต้นจากการติดตั้งอุปกรณ์ภายในรถ ซึ่งประกอบด้วยกล้องอินฟราเรดสำหรับตรวจจับใบหน้า กล่องประมวลผลติดตั้งภายในห้องโดยสาร ระบบสั่นด้านหลังเบาะ และลำโพงสำหรับพูดคุยโต้ตอบกับพนักงานจากศูนย์ควบคุม เมื่อเปิดใช้งานและเริ่มขับรถ หากแอปพลิเคชันตรวจจับได้ว่าคนขับรถมีอาการของความเหนื่อยล้า เพลียสะสม เสี่ยงต่อการง่วงและหลับใน หรือตรงกับเงื่อนไขที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ระบบประมวลผลจะสั่งการแจ้งเตือนขั้นแรกด้วยการส่งเสียงเตือนพร้อมระบบสั่นที่หลังเบาะนั่งเพื่อกระตุ้นให้คนขับรถรู้สึกตัว โดยคนขับจะต้องกดปุ่มที่อยู่ติดกับพวงมาลัยเพื่อตอบสนอง ระบบก็จะหยุดเตือน แต่ยังคงตรวจจับต่อไปตลอดการเดินทาง

การเตือนด้วยเสียงและการสั่นในแต่ละครั้งระบบจะเพิ่มความดังและความแรงขึ้นโดยมีทั้งหมด ระบบประมวลผลภายในรถจะโทรเข้าหาศูนย์ควบคุมเพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่โดยอัตโนมัติในทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้พูดคุยสอบถามความพร้อมในการขับรถ หรือแนะนำจุดพักรถที่เหมาะสมต่อไปได้ โดยเจ้าหน้าที่จะสามารถมองเห็นใบหน้าของคนขับรถได้จากกล้องอินฟราเรด

จุดเด่นที่สุดของแอปพลิเคชันขับดีที่ตอบโจทย์การใช้งานได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ คือระยะเวลาในการตอบสนองอันรวดเร็ว และความแม่นยำในการทำงานสูง เพราะเวลาเป็นเรื่องสำคัญมาก อาการหลับในแค่เพียงหลักวินาทีก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ การทำงานของระบบจะแจ้งเตือนและติดต่อศูนย์ควบคุมได้ในเวลาอันรวดเร็วระดับวินาทีจึงเป็นจุดสำคัญ เพราะเป็นเรื่องของชีวิตจึงต้องรับประกันได้ว่าสามารถป้องกันอุบัติเหตุได้ทันเวลาจริง ๆ

ทำดี

ผลพลอยได้จากแอปพลิเคชัน “ขับดี” นอกเหนือจากความปลอดภัยที่เกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติงานของพนักงานขับรถแล้ว ยังมีการเก็บสถิติเพื่อนำข้อมูล Big Data มาใช้ประมวลผลในด้านการบริหารจัดการต่อไปได้อีก

“ยกตัวอย่างจากข้อมูลการทดลองใช้แอปพลิเคชัน “ขับดี” แม้ในระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก เช่น จากระยองถึงแหลมฉบัง ก็เกิดข้อพิสูจน์ได้ว่า ถึงคนขับจะปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยของทางเอสซีจีอย่างเคร่งครัด ทั้งในเรื่องชั่วโมงการนอนหลับพักผ่อนก่อนมาทำงาน หรือระบบการจัดการพนักงานที่ดี แต่ในการขับรถจริงนั้นระบบก็ยังพบความเสี่ยงต่อความเหนื่อยล้าและโอกาสเกิดการหลับในอยู่ เราจึงเห็นได้ว่าแอปพลิเคชันนี้จำเป็นต้องนำมาใช้กับการขนส่งทุกรูปแบบ จึงไปพูดคุยกับทางธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานโลจิสติกส์ที่ต้องวิ่งข้ามจังหวัดระยะทางไกลๆ เพื่อทดลองติดตั้งสำหรับตรวจเช็กการทำงานและเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้น”

ช้อมูล Big Data ที่ได้สามารถนำมาประมวลผลต่อยอดได้อีก เช่น การประเมินผลการทำงานรายบุคคล การคำนวนจำนวนพนักงานขับรถที่เหมาะสมสำหรับแต่ละงาน หรือการวางแผนเส้นทางการเดินรถและจุดพักรถที่เหมาะสมเพื่อให้ความปลอดภัยมาพร้อมประสิทธิภาพ

รู้สึกดี

ความรู้สึกของทีมวิศวกรผู้พัฒนาระบบจึงเป็นความภูมิใจที่สามารถสร้างแอปพลิเคชันที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้เกิดขึ้นได้กับทั้งผู้ขับขี่ และผู้ร่วมท้องถนน “ความท้าทายในการพัฒนาแอปพลิเคชันนี้คือ การแปลงความง่วงซึ่งเป็นการแสดงออกทางกายภาพไปเป็นข้อมูลดิจิทัลให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้ว่าข้อมูลเหล่านี้คืออาการง่วง รวมทั้งออกแบบการใช้งานให้เข้ากับชีวิตประจำวันของคนขับมากที่สุด ไม่ไปรบกวนการขับรถตามปกติของพวกเขา เช่น สามารถใส่แว่นกันแดดขับรถได้ตามปกติ ไม่ต้องมีแสงหรือหน้าจอรบกวน ปุ่มกดตอบรับการเตือนอยู่ใกล้ไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย เป็นต้น

“ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงรู้สึกภูมิใจและตื่นเต้นที่ได้เห็นว่างานที่ทำที่พัฒนาขึ้นมาได้ใช้งานจริงและมีส่วนช่วยผู้คนจริง ๆ เพราะความง่วงเป็นสาเหตุอันดับ 4 ของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน การได้มีส่วนช่วยให้สถิตินี้ของประเทศลดลงได้ก็รู้สึกภูมิใจ และเป็นความรู้สึกดีที่ได้เห็นทุกคนกลับบ้านไปหาครอบครัวที่เขารักอย่างปลอดภัยหลังจากเลิกงานทุกวัน”

บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่ ?

Average rating 4.3 / 5. Vote count: 6

No votes so far! Be the first to rate this post.