 |
“กลยุทธ์การผนึกกำลังขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนของเอสซีจี ส่งผลให้เกิดการดำเนินธุรกิจในหลากหลายพื้นที่ และเพื่อให้สามารถใช้กำลังการผลิตของโรงงานปูนซีเมนต์แห่งใหม่ในกัมพูชาและอินโดนีเซียได้เต็มศักยภาพและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เอสซีจีได้ลงทุนในโครงการผลิตสินค้าวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ ที่ใช้ปูนซีเมนต์เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ขณะเดียวกันการดำเนินธุรกิจในไทยนอกจากจะตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศแล้วยังครอบคลุมถึงตลาดในอาเซียนอีกด้วย โดยเอสซีจียังคงมุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง”
ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
- ในปี 2559 ความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศไทยมีปริมาณลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยปริมาณการใช้ปูนภายในประเทศมาจากงบประมาณลงทุนภาครัฐ ส่วนความต้องการของภาคครัวเรือนและภาคเอกชนยังคงชะลอตัว ในขณะที่การส่งออกมีปริมาณลดลงเล็กน้อยเทียบกับปีที่ผ่านมา
- เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้จากการขายรวม 170,944 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 จากปีก่อน โดยมี EBITDA 23,186 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5 จากปีก่อน และมีกำไรสำหรับปี 8,492 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 17 จากปีก่อน
Market and Competition
- สำหรับสินค้าซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง ตลาดในประเทศไทยยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่อง จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและกำลังซื้อที่ลดลง อย่างไรก็ตาม ธุรกิจยังคงรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ด้วยการพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
- ส่วนธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนมีการเติบโตค่อนข้างดีในภาพรวมเนื่องมาจากการขยายตัวของตลาดซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้างในประเทศต่าง ๆ ในประเทศกัมพูชามีการเติบโตของการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เช่น โครงการก่อสร้างถนนในประเทศเป็นต้น ธุรกิจในประเทศเมียนมาเติบโตจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก รวมถึงการลงทุนของภาคเอกชน โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรมในเขตเศรษฐกิจพิเศษต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ยังมีบางโครงการ เช่น โครงการก่อสร้างอาคารสูง ที่ยังคงชะลอตัวเล็กน้อยในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2559 เนื่องจากทางรัฐบาลได้พิจารณาความเหมาะสมในการก่อสร้างโครงการดังกล่าว ประเทศเวียดนามและประเทศฟิลิปปินส์ ได้รับผลดีจากโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินของประเทศเวียดนาม และนโยบายกระตุ้นการก่อสร้างที่อยู่อาศัยในประเทศฟิลิปปินส์ เป็นต้น ประเทศอินโดนีเซีย ตลาดก่อสร้างปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน โดยปัจจัยหลักมาจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล เช่น ทางด่วน สนามบิน เขื่อน และรถไฟความเร็วสูง เป็นต้น
การพัฒนาองค์กร
ด้านธุรกิจ
- เข้าซื้อกิจการและปรับปรุงกิจการผลิตหินก่อสร้าง ขนาดกำลังการผลิต 4 ล้านตันต่อปี มูลค่ากิจการ 1,161 ล้านบาท ที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี โดยเข้าเริ่มดำเนินการในไตรมาสที่ 3 ของปี 2559 เพื่อยกระดับและพัฒนาเหมืองหินและโรงโม่หินให้เป็นแบบอย่างของการดำเนินธุรกิจโรงโม่ในประเทศไทย โดยนำเอาเทคโนโลยีการผลิตจากโรงงานปูนซีเมนต์เข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อลดต้นทุนการผลิตและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบข้างรวมทั้งปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างคุ้มค่า
[ดำเนินธุรกิจตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในด้านการมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี และคุณธรรม]
ด้านทรัพยากรบุคคล
- ศึกษาและทำความเข้าใจถึงความต้องการในการพัฒนาของพนักงานในองค์กร เพื่อออกแบบและสร้างหลักสูตรการเรียนรู้ที่เหมาะสมและผสมผสานระหว่างกระบวนการทำงาน และการเรียนรู้ให้เป็นเรื่องเดียวกัน ตามแบบ Role Based Competency เพื่อสนับสนุนทิศทางของธุรกิจ พร้อมสร้างความก้าวหน้าในสายวิชาชีพของพนักงาน ทั้งในและต่างประเทศอย่างยั่งยืน
- เสริมสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ตอบสนองต่อความแตกต่างหลากหลายของพนักงานในองค์กร (Diversity Workforce) ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมให้พนักงาน ทุกคนมีความสุข มีความปลอดภัยในการทำงาน มีคุณภาพชีวิตในการทำงาน (Quality of Work Life) ที่เหมาะสมและเป็นธรรม
- เปิดโอกาสให้พนักงานทุก ๆ หน่วยงานได้แสดงศักยภาพโดยการ Open และ Challenge แนวทางการทำงาน เพื่อคิดค้นนวัตกรรมเทคโนโลยี รวมถึงการเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการ (High Value Added) ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งกับลูกค้า สังคม และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
- • ส่งเสริมและสนับสนุนพนักงานให้ทำงานตามหลักแนวคิด SCG Marketing Way: Building Trusted Innovation โดยการสร้างความเชื่อมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของลูกค้าและทุกคนให้ดียิ่งขึ้น ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอันได้แก่ SCG People คู่ค้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจ
[ดำเนินธุรกิจตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในด้านคุณธรรมและความมีเหตุผล]
ด้านนวัตกรรม
- วิจัยและพัฒนานวัตกรรมระบบระบายอากาศอัจฉริยะโดยผสมผสานเทคโนโลยีระบายอากาศแบบธรรมชาติที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ (Passive Stack Ventilation) กับการระบายอากาศด้วยพัดลมพลังงานแสงอาทิตย์ ควบคุมการทำงานด้วยระบบสมาร์ท เพื่อสร้างสภาวะสุขสบายสำหรับการอยู่อาศัย และลดความอบอ้าวจากความร้อนสะสม
- วิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ SCG Eldercare Solution ซึ่งเพิ่มเติมผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ปลอดภัยสำหรับบ้านทั้งหลัง เพื่อรองรับวิถีชีวิตและสังคมที่เปลี่ยนแปลง โดยพัฒนาโซลูชั่นเจาะลึกผู้มีปัญหาเรื่องข้อต่อกระดูกและกล้ามเนื้อส่วนล่าง
- วิจัยและพัฒนานวัตกรรมปูนซีเมนต์สำหรับงานฉาบอาคารอนุรักษ์ (Tiger D?cor White Plastering Cement for Ancient Heritage) โดยใช้เทคโนโลยีซีเมนต์ระดับโครงสร้างโมเลกุล ทำให้สามารถระบายความชื้นสะสมในอาคารได้ดี เป็นมิตรต่อสิ่งปลูกสร้างเดิม ใช้งานสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน
- วิจัยและพัฒนานวัตกรรมผ้าใบคอนกรีต (Concrete Fabric) นวัตกรรมที่เกิดจากการผสมผสานระหว่าง 2 เทคโนโลยี ได้แก่ เทคโนโลยีปูนซีเมนต์และเทคโนโลยีผ้าใบ มีน้ำหนักเบา สะดวกต่อการใช้งาน ทำให้ติดตั้งได้รวดเร็ว และสามารถประยุกต์ใช้ได้กับงานหลากหลายรูปแบบ.
- วิจัยและพัฒนานวัตกรรมสินค้าทดแทนไม้ในส่วนวงกบประตูหน้าต่าง และไม้พื้นที่ลวดลายเหมือนไม้จริง ที่มีการขึ้นรูปแบบอัดรีด (Extrusion Technology) และเทคโนโลยีวัสดุไฟเบอร์คอมโพสิต เพื่อเพิ่มความซับซ้อนของรูปทรงสินค้า ให้แข็งแรงและทนทานมากขึ้น และเทคโนโลยีการทำลวดลายด้วยระบบพิมพ์ลายดิจิทัล (Digital Printing Technology) ทำให้ได้ลายเหมือนไม้ที่ละเอียดเสมือนจริงยิ่งขึ้น สามารถใช้งานทั้งภายในและภายนอกได้
[ดำเนินธุรกิจตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในด้านความรู้และความมีเหตุผล]
การดำเนินธุรกิจตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน
- ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความสมดุลด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อาทิ การปรับปรุงประสิทธิภาพของการใช้พลังงานที่มีอยู่อย่างจำกัดในกระบวนการผลิต การนำขยะมูลฝอยจากชุมชนใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทน เพื่อแก้ปัญหาสังคมและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม
- จัดทำแผนงานและเตรียมความพร้อมบุคลากร รวมทั้งระบบบริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Management) ด้านความปลอดภัยสุขภาพอนามัย สิ่งแวดล้อม กฎหมายและระเบียบข้อกำหนด และภาวะเผชิญวิกฤติการณ์ภัยธรรมชาติ เพื่อให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและไม่ส่งผลกระทบระบบเศรษฐกิจภาพรวม
- ศึกษา วิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ นำเอาวัสดุที่ไม่ใช้แล้วทดแทนวัตถุดิบธรรมชาติ เพื่อสู่ความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ
- ส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งให้ภาคประชาสังคม ด้วยกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ กิจกรรมสร้างฝายชะลอน้ำ SCG Education Clinic กิจกรรมส่งเสริมอาชีพของชุมชน และกิจกรรมธนาคารขยะ ส่งผลให้ชุมชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและสร้างความสุขได้อย่างยั่งยืน
[ดำเนินธุรกิจตามปรัชญาขอเศรษฐกิจพอเพียงด้านความพอประมาณ การมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี ความรู้ และคุณธรรม]
SCG Cement-Building Materials Consolidated Financial Information
|
2559 |
2558 |
2557 |
2556 |
2555 |
ข้อมูลจากงบแสดงฐานะการเงิน |
สินทรัพย์หมุนเวียน |
58,279 |
56,384 |
53,566 |
51,935 |
38,736 |
สินทรัพย์ |
203,068 |
187,976 |
168,662 |
155,711 |
129,818 |
หนี้สิน |
103,198 |
105,242 |
85,937 |
72,186 |
63,544 |
ส่วนของผู้ถือหุ้น |
99,870 |
82,734 |
82,725 |
83,012 |
66,274 |
ข้อมูลจากงบกำไรขาดทุน |
รายได้จากการขาย |
170,944 |
178,988 |
185,423 |
174,642 |
154,537 |
ต้นทุนและค่าใช้จ่าย |
163,503 |
168,306 |
170,565 |
158,350 |
140,050 |
กำไรสำหรับปี * |
8,492 |
10,250 |
13,180 |
16,092 |
13,129 |
EBITDA ** |
23,186 |
24,395 |
26,683 |
26,274 |
23,009 |
*กำไรสำหรับปีส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่
**กำไรก่อนต้นทุนทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย รวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม
|