 |
ท่ามกลางความท้าทายในหลายด้าน ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ ต้นทุนพลังงานเพิ่มสูงขึ้น และกำลังซื้อชะลอตัว ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จึงเร่งปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้า บริการ และโซลูชันที่มีมูลค่าเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และสร้างความแตกต่าง รวมถึงการลดต้นทุนผ่านการใช้พลังงานทดแทนหรือ เชื้อเพลิงทางเลือก เพื่อยกระดับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
ผลการดำเนินงาน ปี 2565

ความท้าทายของธุรกิจ
แม้สถานการณ์โควิด 19 จะเริ่มคลี่คลาย ภาคการท่องเที่ยว เริ่มส่งสัญญาณในทางบวกมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน กดดันให้ต้นทุนการผลิตต่าง ๆ โดยเฉพาะต้นทุนพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้นตามต้นทุน ในขณะที่ความต้องการ และกำลังซื้อภาคครัวเรือน ยังไม่ฟื้นสู่สภาวะปกติ อีกทั้งวิกฤตโลกรวน ทำให้ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เร่งปรับตัวเข้าสู่เทรนด์ของโลก และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป
ผลการดำเนินงานของธุรกิจ
ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้จากการขายรวม 204,594 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากปีก่อน โดยมี EBITDA 17,540 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7 จากปีก่อน และมีกำไรสำหรับปี 3,789 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11 จากปีก่อน และมีกำไรจากการดำเนินงานปกติเท่ากับ 4,670 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 41 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ธุรกิจยังคงรักษาความเป็นผู้นำ ในตลาดอาเซียน ด้วยการพัฒนาสินค้าใหม่ รวมถึงการปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน
การปรับตัวขององค์กรเพื่อตอบรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2565
-
ด้านการเงิน
- พิจารณาการลงทุนตามลำดับความสำคัญ อย่างระมัดระวังโดยเน้้นโครงการที่สอดคล้องตามกลยุทธ์ของธุุรกิจ อาทิ โครงการลดต้นทุนพลังงาน หรือใช้พลังงานทดแทน โครงการ Automation การลงทุน Backbone เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการ รวมถึงบริหารสินค้าคงคลัง บริหารวัตถุดิบให้เหมาะสมเพื่อกระจายความเสี่ยงและรักษากระแสเงินสด
- ด้านธุรกิจ
- มุ่งพัฒนาและขยายโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ได้แก่ Green Solution Business ซึ่งเป็นโซลูชันเพื่อการก่อสร้าง ที่เน้นการเป็น One Stop Solutions เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าอย่างครบวงจร ผ่านทาง CPAC Solution Center (CSC) และขยายธุรกิจเศรษฐกิจหมุนเวีียน (Green Circularity Business) เพื่อมุ่งสร้างคุณค่าให้ทรัพยากรเกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ยังมี SCG Smart Building Solution ต่อยอดธุรกิจความเป็นผู้นำเทคโนโลยีการบริหารอาคารอัจฉริยะ ลงทุนใน enVerid สตาร์ทอัพชั้นนำสัญชาติอเมริกา ผู้ให้บริการโซลูชันดูแลคุณภาพอากาศภายในอาคาร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอาคาร ด้วยเทคโนโลยีล้้ำสมัย
- การลดการปล่อยและกักเก็บก๊าซเรือนกระจก ในอุตสาหกรรมซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง รวมไปถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ทดแทนปูนเม็ด ด้วยการผลิตปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก การพัฒนาสินค้าผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เช่น กระเบื้อง รุ่น Eco Terra จากวัสดุรีไซเคิลตามแนวทาง Circular Economy กระเบื้อง Mosaic ที่ได้รับการรับรองฉลาก Carbon Footprint Product จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ธุรกิจยังได้รับการรับรองฉลากสิ่งแวดล้อมสำหรับผลิตภัณฑ์หมุนเวียน หรือ Circular Mark เป็นกลุ่มแรกของประเทศไทยอีกด้วย
- พัฒนาและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่สามารถตอบสนองตามความต้องการใช้งานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ ปูนงานโครงสร้างเอสซีจีสูตรไฮบริด (ปูนลดโลกร้อน), ปูนสำเร็จรูปเสือมอร์ตาร์ สูตรเอ็กซ์เพิร์ท, คอนกรีตคาร์บอนต่ำซีแพค (CPAC Low Carbon Concrete) เป็นต้น
- พัฒนาช่องทางการขายและแพลตฟอร์มที่ให้บริการสำหรับ ลูกค้าเจ้าของบ้าน ตั้งแต่ Website SCGHOME, Application SCGHOME บน Smart Phone รวมถึงการเปิด Official Store บน Platform Online Marketplace หรือ Social Commerce ต่าง ๆ พร้อมกันนี้ยังปรับปรุงกระบวนการดำเนินธุรกิจภายใน เช่น การจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้า เพื่อเพิ่อประสิทธิภาพ และความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้าถึงลูกค้า ตลอดจนบริหารต้นทุน การจัดส่งสินค้า เพื่อเพิ่มสร้างศักยภาพทางการแข่งขัน
- เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน อาทิ พลังงานทดแทนจากทั้งแสงอาทิตย์และการนำลมร้อนที่ได้จาก กระบวนการผลิตมาปั่นไฟฟ้า (Waste Heat Generator: WHG) เพื่อบรรเทาผลกระทบจากค่าไฟที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงทางเลือก ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ ที่มีต้นทุนสูง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน อาทิ เชื้อเพลิงทดแทนจากพลังงานชีวมวล (Biomass) เชื้อเพลิงทดแทน หรือการแปลงขยะเป็นพลังงาน (Refuse Derived Fuel: RDF)
- ควบรวมธุรกิจ JWD เปลี่ยนชื่อเป็น SCGJWD ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร กับลูกค้าได้ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมทั่วอาเซียน รวมถึงจีนตอนใต้ รวมถึงพัฒนาการขนส่งทางราง เพิ่มโอกาส ทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้น ช่วยลดต้นทุนค่าขนส่ง จากหน้าโรงงานถึงปลายทางในจีน (Door to Door Service) พร้อมบริการนำเข้า-ส่งออก พิธีการศุลกากร แบบ One Stop Service
- ยกระดับกระบวนการก่อสร้างด้วยเทคโนโลยี เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และลดเศษวัสดุเหลือทิ้งจาก การก่อสร้าง อาทิ “CPAC BIM” เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการออกแบบ ก่อสร้างและดูแลหลังก่อสร้าง ให้เห็นภาพรวมทุกขั้นตอน ลดการสูญเสียทรัพยากร, “CPAC 3D Printing Solution” นวัตกรรมการก่อสร้างด้วยการใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติ ควบคุมกระบวนการก่อสร้าง ที่สามารถออกแบบได้อย่างอิสระ ก่อสร้างรวดเร็ว ประหยัดแรงงาน ลดเศษวัสดุในงานก่อสร้าง รวมถึงการพัฒนา “สะพานเฉลิมพระเกียรติ” สะพานคอนกรีตที่บางที่สุด แห่งแรกในประเทศไทยและอาเซียน ด้วยเทคโนโลยี UHPC (Ultra High Performance Concrete)
- พัฒนาสินค้าและโซลูชันที่ตอบโจทย์เทรนด์เรื่องสุขภาพ และยกระดับคุณภาพชีวิต เช่น SCG Bi-ion เทคโนโลยีเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี ช่วยทำให้อากาศภายในอาคารสะอาด กำจัดเชื้อไวรัส และแบคทีเรียในอากาศได้ถึงร้อยละ 99 รวมถึงช่วยจัดการฝุ่นละออง PM 2.5
- พัฒนาระบบ Digital Logistics ให้บริการลูกค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและบริหารงานขนส่ง ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์ม TRUCK GO ทำให้ผู้ประกอบการขนส่ง ประหยัดต้นทุนได้มากกว่าร้อยละ 50
- ด้านคน
- สร้าง Capability Competitiveness ให้พนักงานในทุกระดับในเอสซีจี เพื่อให้พร้อมปรับตัวให้สอดคล้อง กับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใน 2 เรื่อง คือ Leadership Skill และ Business Competitiveness Skill โดยมุ่งเน้นในเรื่อง Speed, Execution, Adaptability และ Tell the Truth เพื่อมุ่งสร้างความสามารถในการแข่งขันเชิงธุรกิจให้แก่พนักงาน
- สร้างแรงขับเคลื่อนในการดำเนินธุรกิจ และการปฏิบัติงานของพนักงานในทุกภาคส่วนให้สอดคล้องกับแนวทาง ESG โดยได้มีการกำหนดแนวทาง ในการปฏิบัติงานตามจรรยาบรรณเอสซีจี (SCG Code of Conduct) เพื่อมุ่งเน้นในเรื่องการสร้าง ความเป็นธรรมและรับผิดชอบต่อสังคม
การดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG เพื่อความยั่งยืน
- มุ่ง Net Zero: จากเป้าหมายของ SCG ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 ธุรกิจซีเมนต์ จึงได้นำแนวทางของ Global Cement and Concrete Association (GCCA) มาดำเนินการ อาทิ การลดคาร์บอนไดออกไซด์ จากการผลิตปูนเม็ด โดยการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือก การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในการผลิตปูนซีเมนต์และคอนกรีต นอกจากนี้้ในฐานะสมาชิก ของสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) เอสซีจี ได้เข้าร่วมประกาศ “MISSION 2023” เพื่อยกระดับ ความเป็นกลางทางคาร์บอน สาขากระบวนการทางอุตสาหกรรม และการใช้ผลิตภัณฑ์ มาตรการทดแทนปูนเม็ด ด้วยการมุ่งผลิตปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก ลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 1,000,000 ตันภายในปี 2566
- Go Green: พัฒนาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคผ่านฉลาก SCG Green Choice เช่น สินค้าเสือปูนซีเมนต์ฉาบสูตรพิเศษ, ห้องตรวจเชื้้อซีแพค (CPAC Swab Cabinet), โซลูชันระบบโครงสร้างคอนกรีตสำเร็จรูป ซีแพค (CPAC Precast Concrete System Solution) เป็นต้น นอกจากนี้ยังร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อสนันสนุนความเป็นมิตรต่อสิ่่งแวดล้อม
- เอสซีจี และบริษัทควอลิตี้ คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ คิวคอน ร่วมมือการนำอิฐมวลเบาที่เหลือใช้ จากการก่อสร้างในโครงการวัน แบงค็อก (One Bangkok) โครงการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรและใหญ่ที่สุด ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ มารีไซเคิลและผลิตเป็น แผ่นผนังกันเสียงคิวคอน (Q-CON Sound Barrier) เพื่่อใช้ในบริเวณผนังทางลอดใต้อุโมงค์ เข้าโครงการฯ เพื่อลดของเสียจากการก่อสร้างให้เป็นศูนย์ (Zero Waste) โดยใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดผลกระทบด้านงแวดล้อม ตลอดจนยกระดับอุตสาหกรรม การก่อสร้างไทยสู่ความยั่งยืนในอนาคต
- เอสซีจี ร่วมมือกับศุภาลัยและ SC Asset นำผลิตภัณฑ์ที่่ได้รับการรับรองฉลาก SCG Green Choice มาใช้ในโครงการบ้าน และคอนโดมิเนียม กว่า 100 โครงการ เพื่อสร้างสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน ผ่านสินค้า อาทิ คอนกรีตคาร์บอนต่ำ ซีแพคสูตรรักษ์โลก, อิฐมวลเบาคิวคอน, ไม้เชิงชาย เอสซีจี และสุขภัณฑ์ก๊อกน้ำคอตโต้ ที่่ช่วยประหยัดน้ำ
- Lean เหลื่อมล้้ำ: ส่งเสริมชุมชนบริหารจัดการน้้ำด้วยตนเอง สร้างกระบวนการชุมชนสู่ความเข้มแข็งที่ยั่งยืน เพื่อให้ชุมชนมีน้้ำใช้ตลอดปี โดยในปี 2565 ร่วมกับชุมชนสร้างฝายชะลอน้้ำในพื้นที่จังหวัดลำปาง 5,000 ฝาย และร่วมกับสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ นำ Digital Construction เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน เพื่อพัฒนานักศึกษาให้มีทักษะ และองค์ความรู้ใหม่เพื่อตอบสนอง ความต้องการตลาดแรงงาน ของวงการก่อสร้างในอนาคต อีกทั้งเป็นการช่วยยกระดับวงการก่อสร้างของประเทศไทยให้เทียบทันสากล
- ย้ำร่วมมือ: ดำเนินโครงการรักษ์ทะเล ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล โดยวางบ้านปะการัง จากเทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิติ จาก CPAC 3D Printing Solution ในพื้นที่ แสมสาร โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ อีกทั้งร่วมมือกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จังหวัดลำพูน ส่วนราชการและชุมชนในพื้นที่ ดำเนินการปลูกป่า แบบมีส่วนร่วมที่อุทยานแห่งชาติแม่ปิง จังหวัดลำพูน พื้นที่ 400 ไร่ เพื่อฟื้นฟูป่าและดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ตามโครงการ Natural Climate Solution (NCS)
Cement-Building Materials Business Consolidated Financial Information
|
2565 |
2564 |
2563 |
2562 |
2561 |
ข้อมูลจากงบแสดงฐานะการเงิน |
สินทรัพย์หมุนเวียน |
76,048 |
71,128 |
58,655 |
59,539 |
64,031 |
สินทรัพย์ |
228,277 |
224,226 |
212,615 |
211,573 |
218,316 |
หนี้สิน |
113,278 |
94,139 |
91,448 |
98,484 |
105,775 |
ส่วนของผู้ถือหุ้น |
114,999 |
130,087 |
121,167 |
113,089 |
112,541 |
ข้อมูลจากงบกำไรขาดทุน |
รายได้จากการขาย |
204,594 |
182,529 |
171,720 |
184,690 |
182,952 |
ต้นทุนและค่าใช้จ่าย* |
203,576 |
179,461 |
167,483 |
180,886 |
178,012 |
กำไรสำหรับปี** |
3,789 |
4,262 |
6,422 |
5,455 |
5,984 |
กำไรจากการดำเนินงานปกติ*** |
4,670 |
7,939 |
8,771 |
7,449 |
6,593 |
EBITDA **** |
17,540 |
18,877 |
21,591 |
20,991 |
21,244 |
* ปี 2562 มีการจัดประเภทรายการใหม่ และปี 2561 และปี 2560 มีการปรับการแสดงข้อมูลตามส่วนงานธุรกิจ
** กำไรสำหรับปีส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่
*** กำไรก่อนรายการด้อยค่าสินทรัพย์ การขายเงินลงทุนและอื่น ๆ
****
กำไรก่อนต้นทุนทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย รวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม
|