หน้าหลัก > ธุรกิจเอสซีจี

ธุรกิจเอสซีจี

       
 

ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง

ท่ามกลางความท้าทายในหลายด้าน ทั้งการแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่ยังคงส่ง ผลกระทบต่อเนื่องต่อเศรษฐกิจทั่วโลก และความตระหนักในเรื่องสุขอนามัย ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของผู้คนในสังคม ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง (Disruption) ในธุรกิจต่าง ๆ รวมทั้งการเร่งพัฒนา Active Omni-Channel และ Ecosystem เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค นอกจากนี้ ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของ สภาพภูมิอากาศที่เริ่มกระทบต่อความเป็นอยู่ของผู้คน ทำให้ผู้บริโภคหันมาให้ ความสำคัญกับสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้้น ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ ก่อสร้างจึงได้เร่งปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทั้งด้านสินค้า บริการ และช่องทางการจัดจำหน่าย โดยมุ่งเน้นการตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างครบถ้วน รวมถึง ยกระดับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม

ผลการดำเนินงาน ปี 2564


ความท้าทายของธุรกิจ

การแพร่ระบาดของโควิด 19 ที่ยังคง ต่อเนื่องในปี 2564 หลายประเทศใช้มาตรการ ควบคุมการแพร่ระบาด ซึ่งส่งผลกระทบต่อ การดำเนินธุรกิจ เช่นเดียวกับธุรกิจซีเมนต์และ ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างได้รับผลกระทบโดยตรง จากการสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้างและ มาตรการป้องกันควบคุมโรค ในพื้นที่เฉพาะ (Bubble and Seal) ทำให้กิจกรรมการก่อสร้าง หยุดชะงัก การระบาดของโควิด 19 ยังสร้าง ความเปลี่ยนแปลงต่อพฤติกรรม และการดำเนินชีวิต ของผู้บริโภค อาทิ ความใส่ใจด้านสุขอนามัยที่เพิ่มขึ้น การใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น อีกทั้ง เป็นส่วนสำคัญในการเปลี่ยนผ่าน ของธุรกิจไปสู่ดิจิทัลในอัตราที่เร็วยิ่งขึ้น

ผลการดำเนินงานของธุรกิจ

ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้จากการขายรวม 182,529 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากปีก่อน โดยมี EBITDA 18,877 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13 จากปีก่อน และมีกำไรสำหรับปี 4,262 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 34 จากปีก่อนและมีกำไรจากการ ดำเนินงานปกติเท่ากับ 7,939 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศ ปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้า โดยการก่อสร้างภาคเอกชนยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 และมาตรการปิดเมือง ดังนั้น การก่อสร้างภาครัฐ จึงยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อน ที่สำคัญของภาคก่อสร้าง เช่นเดียวกับสถานการณ์ตลาดในภูมิภาคอาเซียน ที่ภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการก่อสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ ก่อสร้างยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาด อาเซียน ด้วยการพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งนำเสนอ ผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

การปรับตัวขององค์กรเพื่อตอบรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2564

  • ด้านธุรกิจ
    • นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาผลักดันให้เกิดนวัตกรรมโซลูชัน งานก่อสร้างเพื่อความยั่งยืนจาก CPAC Green Solution ที่สามารถตอบโจทย์ ลูกค้าได้ครบในที่เดียว ตั้งแต่ การออกแบบก่อสร้าง จนถึงการดูแลหลังการก่อสร้าง ซึ่ง สามารถลดระยะเวลาทำงาน ใช้แรงงานน้อยลง อีกทั้งลด ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการลดของเหลือทิ้งใน งานก่อสร้าง ได้แก่ 1. CPAC BIM การนำเทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้ให้ผู้ที่ เกี่ยวข้องเห็นภาพรวมการก่อสร้างในทุกขั้นตอน โดยเฉลี่ยสามารถลดของเหลือทิ้งได้ถึงร้อยละ 5-15 2. CPAC 3D Printing Solution นวัตกรรมการก่อสร้าง รูปแบบใหม่ ด้วยการขึ้นรูปโครงสร้างและตัวอาคาร จากการใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติ และ 3. CPAC Drone Solution การประเมินพื้นที่ด้วยโดรนเพื่อนำมาออกแบบจัดทำผัง โครงการ ก่อนดำเนินการก่อสร้าง
    • นำเสนอสินค้าและบริการที่สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภค ที่เปลี่ยนไป โดยนำเสนอสินค้าที่คุ้มค่า (Value for Money) สินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและสุขอนามัย เช่น ก๊อกน้ำ หรือสุขภัณฑ์ที่ลดการสัมผัส รวมถึงนำเสนอสินค้าและบริการพร้อมติดตั้ง เพื่อตอบสนองความต้องการต่อเติมหรือ ปรับปรุงที่เพิ่มขึ้นเมื่อผู้บริโภคใช้เวลาอยู่บ้านเป็นเวลานาน
    • พัฒนาช่องทางการขายและการให้บริการผ่านช่องทาง ออนไลน์ เช่น scghome.com, Q-Chang, Design Connext และ dooDeco ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการกับลูกค้า เจ้าของบ้าน อีกทั้งให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญและเปิด ให้ชมโชว์รูมและดูสินค้าผ่าน Virtual Store 360 องศา นอกจากนั้น ยังพัฒนา SCG ID เพื่อเชื่อมต่อระหว่างลูกค้าและทุกบริการของกลุ่มธุรกิจใน SCG มาอยู่ในที่เดียวกัน
    • พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลใช้บริหารการจัดจำหน่ายซึ่งมี เครือข่ายใหญ่ที่สุด อาทิ “Prompt Plus” แพลตฟอร์มสั่งซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้าง สำหรับร้านค้ารายย่อยกว่า 9,000 ร้านค้า ทั่วประเทศ และ “รักเหมา” แพลตฟอร์มสั่งซื้อสินค้าวัสดุ ก่อสร้างสำหรับเจ้าของ โครงการก่อสร้าง ผู้รับเหมาขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีมากกว่า 50,000 รายทั่วประเทศไทย
    • พัฒนาการขนส่งในรูปแบบการผสมผสานการขนส่งทางเรือ และทางบก (Multimodal) ให้เติบโตเพิ่มขึ้นเพื่อให้เกิด ประสิทธิภาพทางด้านต้นทุนและลดอัตราการปล่อยก๊าซ เรือนกระจก
  • ด้านคน
    • ปรับแนวทางในการทำงาน เน้นเรื่องการตอบสนองต่อความ ต้องการของลูกค้า (Customer Centric) เป็นสำคัญ โดย ทำงานเชิงรุกเพื่อเข้าใจพฤติกรรม ความคิด ความรู้สึกของลูกค้า และนำมาพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงปรับกระบวนการทางความคิด (Mindset) เพื่อให้พนักงานมีทัศนคติที่พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ (Agility) และมีมุมมองเชิงบวกในการเรียนรู้จากความสำเร็จและความล้มเหลว (Resilience) เพื่อสร้างความคล่องตัว และความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน อันนำมาซึ่งการตอบสนอง ต่อความต้องการของลูกค้าและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
    • สร้างและปลูกฝังเรื่อง SCG People ซึ่งประกอบด้วย 4 Core Values และ Open & Challenge เพื่อเป็นวิถีหลักในการปฏิบัติงาน ที่มุ่งเน้นให้พนักงานปฏิบัติงานอย่างเป็นธรรม คำนึงถึงหน้าที่และความรับผิดชอบที่พึงมีต่อประเทศชาติและสังคมส่วนรวม ภายใต้การให้ความสำคัญ ต่อคุณค่าของคนอย่างเท่าเทียม
    • ปรับระบบการบริหารงานบุคคล รวมถึงส่งเสริมให้พนักงาน มีทักษะในการทำงานที่สอดรับกับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้พนักงานเป็นแรงขับเคลื่อนหลักในการสร้าง สินค้าและบริการที่ ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า
  • ด้านนวัตกรรม
    • เรสร้างผลักดันการจำหน่ายและส่งเสริมการใช้สินค้าที่เป็น มิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยสินค้าปูนงานโครงสร้าง เอสซีจีสูตรไฮบริด (Hybrid Cement) ทดแทนปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ แบบเดิม ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ได้ร้อยละ 5
    • พัฒนาโซลูชันใหม่รับเทรนด์การรักษ์สุขภาพและยกระดับ คุณภาพชีวิต อาทิ Smart Building Solution นวัตกรรม บริหารระบบอาคาร เพื่อปรับคุณภาพอากาศและประหยัด พลังงานด้วยเทคโนโลยี IoT นวัตกรรมผนังสมาร์ทบอร์ด Ultra Clean Wall Solution ทำให้ห้องมีความสะอาด ปลอดเชื้อโรค ระบบไอออนกำจัดเชื้อโรคในอากาศ SCG Bi-Ionization Air Purifier ช่วยลดเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ภายในบ้านและอาคาร ระบบหลังคา SCG Solar Roof Solution ที่สามารถผลิตไฟฟ้าจากหลังคาบ้าน ช่วยลด ค่าไฟ และยังสามารถผลิตไฟฟ้าจากหลังคาโรงจอดรถ เพื่อใช้งานร่วมกับยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) ได้อีกด้วย
    • พัฒนาห้องไอซียูโมดูลาร์ ร่วมกับ รพ.ราชวิถี เพื่อรองรับ ผู้ป่วยจากโควิด 19 โดยสร้างเสร็จภายใน 1 สัปดาห์ซึ่งมีการแบ่งโซนระบบควบคุมความดันอากาศ ที่แยกระบบ อากาศของคนไข้และทีมแพทย์ ออกจากกัน เพื่อให้สะอาดและปลอดภัย ลดโอกาสการติดเชื้อแก่ทีมแพทย์ พร้อมเสริมความมั่นใจอีกขั้นด้วยระบบกรองกำจัดเชื้อโรค และ ป้องกันเชื้อโรคออกสู่ภายนอก
    • บริการ Pavement Solution ในการสร้างถนนทางหลวง และพื้นลานจอดเครื่องบิน ด้วยเทคโนโลยี Slipform Paver ด้วยเครื่องจักรที่ล้ำสมัยได้มาตรฐานสากล จึงช่วย เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน นอกจากนี้สามารถลด ขั้นตอนการทำงาน ลดคนงานเข้าพื้นที่และลดของเสียจากการก่อสร้างแบบเดิม

การดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG เพื่อความยั่งยืน

  • เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือก (Alternative Fuel) เช่น การใช้พลังงานคาร์บอนต่ำอย่างพลังงานชีวมวล (Biomass) จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร และเชื้อเพลิงจากขยะ (Refuse Derived Fuel: RDF) ในกระบวนการ ผลิตปูนซีเมนต์ การใช้ลมร้อนเหลือทิ้ง จากกระบวนการผลิต และพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อลดการใช้ถ่านหิน และพลังงานไฟฟ้าในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ รวมถึงการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle)
  • นำแนวคิดเรืองเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาปรับใช้อย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่จะลดของเสียที่เกิดขึ้น จากการขาดระบบจัดการที่ดีในงานก่อสร้าง รวมไปถึงการนำของเสียที่เกิดขึ้นกลับมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ซึ่งในช่่วงที่ผ่านมามีการดำเนินการในหลายกิจกรรม เช่น กลุ่มความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ หมุนเวียนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง (Circular Economy in Construction Industry: CECI) ที่ต่อยอดไปสู่โครงการบดย่อยหัวเสาเข็มคอนกรีต ซึ่งดำเนินการแล้ว 42 โครงการ สามารถลดของเสียจากคอนกรีตและรีไซเคิลกลับมาใช้ใหม่ ได้ประมาณ 7,000 ตัน
  • พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ได้การรับรองฉลาก SCG Green Choice เป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง ฉลาก SCG Green Choice มีคุณสมบัติช่วยประหยัด พลังงาน ประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ และยืดอายุการใช้งาน อีกทั้งมีสุขอนามัยที่ดี นอกจากนี้ในตลาดต่างประเทศ ธุรกิจได้ร่วมมือกับสมาคมผู้ผลิตปูนซีเมนต์ในประเทศนั้น ๆ เพื่อที่่จะลดก๊าซเรือนกระจก
  • การช่วยเหลือสังคมโดยดำเนินโครงการพัฒนาทักษะอาชีพ ที่ตลาดต้องการ เช่น พัฒนาอาชีพพนักงานขับรถบรรทุก โดยโรงเรียนทักษะพิพัฒน์ และพัฒนาอาชีพช่างปรับปรุง บ้านโดยแพลตฟอร์ม Q-Chang (คิวช่าง) เป็นต้น
  • ดำเนินโครงการบูรณาการมีส่วนร่วมระหว่างชุมชน ภาครัฐ และภาคเอกชน เช่น โครงการ “ชุมชนต้นแบบลดการเผา” จังหวัดลำปาง โดยสนับสนุนให้เกษตรกรนำเศษวัสดุเหลือ ใช้ทางการเกษตรมาใช้ประโยชน์ เพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้ กลับคืนสู่ชุมชน เช่น การอัดฟ่อนฟางข้าว เพื่อนำไป จำหน่ายให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ กลุ่มผู้สนใจทั่วไป รวมทั้้งนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทน ในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ ซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ในพื้นที่จากการที่เกษตรกร ไม่ต้องเผาเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร และเผาป่าเพื่อทำการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกในครั้งต่อไป

Cement-Building Materials Business Consolidated Financial Information

  2564 2563 2562 2561 2560
ข้อมูลจากงบแสดงฐานะการเงิน*
สินทรัพย์หมุนเวียน 71,128 58,655 59,539 64,031 56,466
สินทรัพย์ 224,226 212,615 211,573 218,316 213,134
หนี้สิน 94,139 91,448 98,484 105,775 106,913
ส่วนของผู้ถือหุ้น 130,087 121,167 113,089 112,541 106,221
ข้อมูลจากงบกำไรขาดทุน
รายได้จากการขาย 182,529 171,720 184,690 182,952 175,255
ต้นทุนและค่าใช้จ่าย* 179,461 167,483 180,886 178,012 169,431
กำไรสำหรับปี** 4,262 6,422 5,455 5,984 7,230
กำไรจากการดำเนินงานปกติ*** 7,939 8,771 7,449 6,593 6,720
EBITDA **** 18,877 21,591 20,991 21,244 22,319

* ปี 2562 มีการจัดประเภทรายการใหม่ และปี 2561 และปี 2560 มีการปรับการแสดงข้อมูลตามส่วนงานธุรกิจ
** กำไรสำหรับปีส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่
*** กำไรก่อนรายการด้อยค่าสินทรัพย์ การขายเงินลงทุนและอื่น ๆ
**** กำไรก่อนต้นทุนทางการเงิน ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย รวมเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม