หน้าหลัก > ธุรกิจเอสซีจี

ธุรกิจเอสซีจี

       
สรุปผลการดำเนินงาน 2565

 
  เอสซีจี  
 
     
ผลการดำเนินงานปี 2565 เอสซีจีมีรายได้จากการขายเท่ากับ 569,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 จากปีก่อน จากธุรกิจแพคเกจจิ้ง (SCGP) และธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มี EBITDA เท่ากับ 61,912 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 33 จากปีก่อน และมีกำไรสำหรับปีเท่ากับ 21,382 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 55 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากผลการดำเนินงานที่ลดลง ของธุรกิจเคมิคอลส์ (SCGC) ทั้งนี้ กำไรที่ไม่รวมรายการสำคัญ (Profit excluding key items) เท่ากับ 23,270 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 50 จากปีก่อน
 
     


  ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง  
 
     
ธุรกิจมีรายได้จากการขายเท่ากับ 204,594 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากปีก่อน โดยมี EBITDA เท่ากับ 17,540 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 7 จากปีก่อน กำไรสำหรับปีเท่ากับ 3,789 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11 จากปีก่อน ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานปกติเท่ากับ 4,670 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 41 จากปีก่อน เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดอาเซียน ด้วยการพัฒนาสินค้าใหม่ การสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าและบริการ ผ่านนวัตกรรมและโซลูชันครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการ ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมุ่งอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและสังคม โดยปรับปรุงกระบวนการทำงาน การผลิต และพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซ CO รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี กับลูกค้าผ่านช่องทางต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
 
     


  SCGC ธุรกิจเคมิคอลส์  
 
     
SCGC มีรายได้จากการขาย 236,587 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1 จากปีก่อน เนื่องจากปริมาณขายสินค้าที่ลดลง จากการปรับลดกำลังการผลิตเนื่องจาก อุุปสงค์ทีชะลอตัวและการซ่อมบำรุงโรงงาน โดยมี EBITDA ลดลงร้อยละ 57 มาอยู่ที่ 17,745 ล้านบาท เนื่องจากส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์ และราคาวัตถุดิบลดลง จากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น ตามราคาน้้ำมันดิบที่สูงขึ้น และอุปสงค์ชะลอตัว กำไรสำหรับปีเท่ากับ 5,901 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 80 จากปีก่อน เนื่องจากส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์ และราคาวัตถุดิบและส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง SCGC ยังคงรักษาความเป็นผู้นำ ในภูมิภาคอาเซียน เตรียมพร้อมการผลิตเชิงพาณิชย์ ของโครงการ LSP คอมเพล็กซ์ปิโตรเคมีครบวงจร แห่งแรกในเวียดนาม และขยายการขายผลิตภัณฑ์ Green Polymer ตามแนวทาง Circular Economy รวมถึงสร้างโอกาสเติบโตในธุรกิจใหม่ เช่น การร่วมทุนกับบริษัท Denka เพื่อดำเนินการจำหน่าย และผลิตอะเซทิลีนแบล็ก (Acetylene Black) ซึ่งเป็นส่วนประกอบในการผลิต แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เพื่อรองรับเมกะเทรนด์ ด้านยานยนต์ไฟฟ้า
 
     


  SCGP (ธุรกิจแพคเกจจิ้ง)  
 
     
SCGP มีรายได้จากการขายเท่ากับ 146,068 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากการขยายธุรกิจ ผ่านการควบรวมกิจการ และการขยายกำลังการผลิต ขณะที่มี EBITDA เท่ากับ 19,413 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8 จากปีก่อน และมีกำไรสำหรับปีเท่ากับ 5,801 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 30 จากปีก่อน โดยเป็นผลมาจากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการลดลงของปริมาณการขาย และอุปสงค์กระดาษบรรจุภัณฑ์ทั่วโลก ทั้งนี้ ภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ มีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมีปัจจัยเสริมจากการฟื้นตัว ของภาคการท่องเที่ยว การนำเข้าและส่งออก ตลอดจนห่วงโซ่การผลิต ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ SCGP จึงเดินหน้าดำเนินธุรกิจ ให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ มีการจัดลำดับความสำคัญ ในการขยายธุรกิจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาการดำเนินงาน ที่ประหยัดต้นทุนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมุ่งมั่นที่จะเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ ในภูมิภาคอาเซียน พร้อมกับพัฒนาหาช่องทาง ในการขยายฐานลูกค้า ไปยังภูมิภาคใหม่ ๆ ที่มีโอกาสในการเติบโตอยู่เสมอ
 
     


  ส่วนงานอื่น  
 
     
มี EBITDA 9,105 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 16 จากปีก่อน และมีกำไรสำหรับปีเท่ากับ 8,796 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 8 จากปีก่อน โดยธุรกิจการลงทุนมี EBITDA รวมเงินปันผลจากบริษัทร่วมทุน 7,417 ล้านบาท และมีกำไรสำหรับปีเท่ากับ 10,033 ล้านบาท หักด้วยค่าใช้จ่ายในการบริหาร ส่วนกลางและอื่น ๆ