วัฒนธรรมองค์กรมีอิทธิพลอย่างมากในการระเบิดความคิดใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในกระบวนการทำงาน
เทคนิคง่ายๆ ที่ทำลายความกลัวระหว่างพนักงานกับผู้บริหาร กลายเป็นความรู้สึกใหม่ๆ ที่ทำให้เกิดความกล้าในการแสดงความคิดเห็น และกล้าพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดเพื่อนำไปสู่สิ่งใหม่ๆ ที่ดีกว่า
พี่กานต์เคยเล่าว่า
“เมื่อก่อนเราเคยคิดว่าการมีระเบียบวินัย มีกฎเกณฑ์ในทุกเรื่องคือจุดแข็งขององค์กร แต่ในช่วงปี 2546 พี่คิดว่าไม่น่าใช่แล้ว เพราะตอนนั้นองค์กรต้องการ Innovative Thinking เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ของสินค้าและบริการที่คิดค้นเอง ไม่ต้องซื้อจากคนอื่น การอยู่ในระเบียบในกรอบทุกเรื่องความคิดใหม่ๆ ไม่เกิด”
การลดช่องว่างระหว่าง “นาย” กับ “ลูกน้อง” ด้วยการให้เรียกผู้บริหารทุกคนว่า “พี่” เพื่อสร้างความเป็นกันเอง และทำทุกอย่างให้ง่ายเข้า เช่น ลดการแต่งตัวแบบใส่สูทผูกไท เสื้อซาฟารีแบบนายช่างถูกถอดออก เป็นเสื้อยืดโปโล โลโก้เอสซีจี หรือเสื้อเชิ้ตแขนยาวแบบง่ายๆ
พนักงานทุกคนสามารถขึ้นลิฟต์ห้องโถงกลางอาคารสำนักงานใหญ่ 1 ได้ โดยไม่ถูก รปภ. ทัดทานอีกต่อไป ซึ่งครั้งหนึ่งลิฟต์ตัวนี้ถูกสงวนไว้ให้ระดับผู้บริหารใช้เท่านั้น
เป็นเทคนิคง่ายๆ ที่ทำลายความกลัวระหว่างพนักงานกับผู้บริหาร กลายเป็นความรู้สึกใหม่ๆ ที่ทำให้เกิดความกล้าในการแสดงความคิดเห็น และกล้าพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดเพื่อนำไปสู่สิ่งใหม่ๆ ที่ดีกว่า
ในขณะเดียวกันบรรยากาศที่ทำงานในเอสซีจีเปลี่ยนไป มีการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทั้งที่ทำงานและ ภูมิทัศน์โดยรอบ มีการกันพื้นที่เป็น Relax Area หรือ Inno-Zone ให้พนักงานได้นั่งพูดคุยสบายๆ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่มีสีสันสดใส
รวมทั้งกระตุ้นให้น้องๆได้คิด โดยจัดให้มีรางวัลนวัตกรรมทั้งด้านสินค้าและบริการ กระบวนการผลิต และกระบวนการอื่นๆ ภายใต้โครงการ “SCG Power of Innovation Award” รางวัลละ 1 ล้านบาท และโครงการนี้จัดต่อเนื่องถึงปัจจุบัน
วัฒนธรรมองค์กรในเรื่องอุดมการณ์ 4 หรือ 4 Core Values ที่ประกอบไปด้วย ตั้งมั่นในความเป็นธรรม มุ่งมั่นในความเป็นเลิศ เชื่อมั่นในคุณค่าของคน และถือมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม ที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น จนกลายเป็นพลังผลักดันที่สำคัญให้องค์กรเข้มแข็งมาหลายทศวรรษ ยังถูกยึดมั่นไว้อย่างเหนียวแน่นต่อไป
แต่อาจจะไม่เพียงพอกับการก้าวสุ่ยุค Innovation
“R&D เป็นเพียงส่วนเดียวของเรื่องนวัตกรรม เพราะR&D ต้องร่วมงานกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น การตลาด การผลิต และวิศวกรรม อย่างใกล้ชิด จึงต้องปรับในเรื่องวัฒนธรรมองค์กร ดังนั้น 4 Core Values ไม่พอ ต้องมีเรื่อง Open และ Challenge เพื่อให้กระบวนการเชื่อมต่อกัน คุยกันเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า ใครเจาะความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุดก็เอามาสร้างต่อ และทำแบบนี้ให้เป็นวัฒนธรรมขององค์กรไปด้วย”
สองแนวคิดใหม่เพื่อปรับเปลี่ยนวิธีคิดในการทำงานที่สำคัญอย่างมากในยุคนี้จึงเกิดขึ้น
Open คือการเปิดใจรับฟังกันอย่างทั่วถึง เอสซีจีเริ่มมี Training Course หลายหลักสูตรมาก เพื่อสอนให้รุ่นพี่ฟังรุ่นน้อง และทำให้น้องๆ กล้าเข้าหามากขึ้น
ส่วน Challenge คือการกระตุ้นให้ทุกคนอย่าพอใจกับความสำเร็จเดิมๆ ต้องพยายามหาสิ่งใหม่ๆ ที่ดีขึ้น และพร้อมเปลี่ยนแปลงตัวเองตลอดเวลา
“ในเรื่อง Open และ Challenge คือกุญแจสำคัญที่จะขจัดช่องว่างที่เรามีอยู่ สมัยโน้นเราเคารพพี่ๆ กันมาก ก็จะคอยฟังอย่างเดียวว่าพี่พูดอะไร บอกอย่างไร แล้วทำตาม ตอนนี้เราเปิดโอกาสให้น้องๆ ได้พูด ได้เสนอความคิดเห็นมากขึ้น พี่ๆ ก็ต้องรับฟังมากขึ้น น้องเองก็ต้องมีความคิดริเริ่มไม่ต้องกลัวผิดพลาด พี่ก็ต้องไม่ว่าถ้าน้องทำผิดทำพลาด แต่เมื่อพลาดแล้วต้องลุกขึ้นให้เร็ว ไม่อย่างนั้นแล้วเราจะไม่มีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นเลย”
วันนี้ นอกจากอุดมการณ์ 4 และ Open & Challenge พี่รุ่งโรจน์ยังให้ความสำคัญในอีก 3 เรื่อง คือ Speed, Quality และ Safety เพื่อให้ทันกับการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นและซับซ้อนมากขึ้นทุกทีด้วย