Contact Us
News & Event
Share


17 สิงหาคม 2561 – กาญจนบุรี : เอสซีจี ร่วมกับชุมชนบ้านยางโทน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี พร้อมหน่วยงานภาครัฐ สานต่อโครงการ “รักษ์น้ำ จากภูผา สู่มหานที” มาปรับใช้ในพื้นที่ต้นน้ำด้วยการสร้างฝายชะลอน้ำ มุ่งแก้วิกฤตน้ำแล้งน้ำท่วม และฟื้นสมดุลธรรมชาติ ยกระดับงานฝายสู่งานวิจัยเชิงวิชาการ ค้นพบพันธุ์พืชชาฤาษีไทรโยค ดัชนีชี้วัดสิ่งแวดล้อมที่สำคัญทางระบบนิเวศแหล่งเดียวในโลก และเสือลายเมฆที่เสี่ยงจะสูญพันธุ์ พร้อมต่อยอดองค์ความรู้สู่สถานีเรียนรู้ฝายชะลอน้ำตามแนวพระราชดำริ ส่งเสริมอาชีพชุมชนให้พัฒนาผลิตภัณฑ์จากผลผลิตที่มาจากฝาย และผลักดันเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ มุ่งสร้างรายได้ให้ชุมชนตลอดทั้งปี




นายแสงชัย วิริยะอำไพวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทสยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด ธุรกิจแพคเกจจิ้ง เอสซีจี กล่าวว่า “เอสซีจีได้น้อมนำและสืบสานพระราชดำริ “จากภูผา สู่มหานที” เป็นแนวทางในการรักษาดูแลจัดการน้ำให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ที่เอสซีจีเข้าไปดำเนินการ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ สู่ปลายน้ำ ผ่านกระบวนการสร้าง "ความรัก-ความเข้าใจ และส่งเสริมให้ทุกคนรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกันอย่างแท้จริง โดยเมื่อปี 2560 เอสซีจี ได้ร่วมกับชุมชนและเยาวชนชุมชนบ้านเขามุสิ อำเภอหนองปรือ ประกาศความสำเร็จจากการสร้างฝายเพื่อแก้ปัญหาน้ำแล้งน้ำท่วม ฟื้นคืนสมดุลป่า และมีความตั้งใจที่จะพัฒนาพื้นที่นี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศในอนาคต




ในปี 2561 นี้ นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างชุมชนบ้านยางโทน อำเภอไทรโยค และเอสซีจีที่ร่วมกันสร้างฝายมาตั้งแต่ปี 2552 เพื่อแก้ปัญหาพื้นที่แห้งแล้งจากการแผ้วถางป่าสำหรับขยายพื้นที่ทำกิน จนปัจจุบัน เห็นผลแล้วว่า ฝายช่วยฟื้นสภาพพื้นที่ให้เป็นแหล่งอาหารและสร้างรายได้ให้กับชุมชน จากนี้ไป เอสซีจีมีความตั้งใจที่จะส่งเสริมชุมชนให้พัฒนาและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผลผลิตจากฝาย เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ได้ตลอดทั้งปี ที่สำคัญได้ต่อยอดความรู้เรื่องการบริหารจัดการน้ำสู่การงานวิจัยเชิงวิชาการร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจบุรี จากการสร้างฝายในพื้นที่ป่าต้นน้ำบริเวณเขตพื้นที่ของมหาวิทยาลัย ทำให้เห็นผลเชิงประจักษ์ สามารถอ้างอิงและเผยแพร่ เพื่อให้เป็นประโยชน์กับชุมชนในพื้นที่อื่นๆ ที่ประสบปัญหาใกล้เคียงกันต่อไป”




ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธัชวีร์ ลีละวัฒน์ รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายสารสนเทศ วิทยาเขตกาญจนบุรี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “ มหาวิทยาลัยฯ เริ่มสร้างฝายชะลอน้ำร่วมกับเอสซีจีตั้งแต่ปี 2553 เพื่อแก้ปัญหาสภาพป่าเสื่อมโทรมรอบมหาวิทยาลัย และเมื่อฝนตกหนักหน้าดินจะถูกชะล้างลงไปยังพื้นที่ด้านล่าง สร้างความเดือดร้อนให้ชุมชน จากจุดเริ่มต้นเพียง 10 ฝาย ได้ขยายเพิ่มเป็น 100 ฝาย จนปัจจุบันนักศึกษาและจิตอาสาได้ร่วมกันสร้างไปแล้ว 354 ฝาย ระหว่างการสร้างฝาย มหาวิทยาลัยฯ และเอสซีจี ได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่ดีเกิดขึ้นในพื้นที่ จึงได้ร่วมมือกันทำงานวิจัยเชิงวิชาการ ภายใต้โครงการ การติดตาม ตรวจสอบทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการจัดการฝายอย่างยั่งยืน เพื่อศึกษาเรื่องการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ และความหลากหลายของสัตว์ รวมถึงประโยชน์จากฝายที่เกิดขึ้นกับชุมชน ผลจากงานวิจัยได้พบ ชาฤาษีไทรโยค เป็นดัชนีชี้วัดสิ่งแวดล้อมที่สำคัญทางระบบนิเวศ ซึ่งพบแหล่งเดียวในโลก พืชชนิดนี้จะขึ้นในป่าที่มีระบบนิเวศสมบูรณ์เท่านั้น อีกทั้งยังพบการกลับมาของเสือลายเมฆซึ่งเป็นสัตว์ที่เสี่ยงจะสูญพันธุ์ สะท้อนให้เห็นว่า การสร้างฝายมีส่วนสำคัญที่ช่วยฟื้นให้ระบบนิเวศของป่ากลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง




นอกจากนี้ ความสมบูรณ์ของระบบนิเวศที่กลับคืนมายังทำให้ผลผลิตจากป่าทั้งหน่อไม้ ไผ่รวก เห็ดโคน และผักหวาน กลายเป็นทั้งอาหารและรายได้ให้กับชุมชน ครอบครัวละกว่า 100,000 บาทต่อปี รวมถึงฝายยังทำหน้าที่ช่วยดักตะกอนดินไม่ให้ไหลลงไปสร้างความเดือดร้อนแก่ชุมชนเช่นที่ผ่านมาได้อีกด้วย ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยฯ และเอสซีจี ได้ร่วมกันจัดตั้ง “สถานีเรียนรู้ฝายชะลอน้ำตามแนวพระราชดำริ” เพื่อรวบรวมและถ่ายทอด องค์ความรู้เรื่องการทำฝายและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องให้แก่ชุมชนและผู้ที่สนใจได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป และมีเป้าหมายจะสร้างฝายให้ครบ 500 ฝายในปี 2561 นี้”




ด้านนายณรงค์ รักร้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า “จังหวัดกาญจนบุรีเป็นแหล่งเพาะปลูกพืชไร่ที่สำคัญแหล่งหนึ่งของประเทศ นับเป็นความท้าทายที่สำคัญของภาครัฐเช่นกันที่ต้องเร่งสร้างจิตสำนึกให้คนอยู่กับป่าแบบพึ่งพาอาศัยกันให้ได้มากที่สุด ผมเชื่อมั่นว่า ความสำเร็จจากการดูแลพื้นที่ต้นน้ำด้วยการสร้างฝายชะลอน้ำของทั้งชุมชนบ้านเขามุสิ และชุมชนบ้านยางโทนในวันนี้ รวมถึงผลงานวิจัยทางวิชาการของมหาวิทยาลัยมหิดลฯ เป็นบทเรียนและต้นแบบความร่วมมือที่แสดงให้เห็นถึงพลังของชุมชน มหาวิทยาลัยมหิดลฯ และเอสซีจี ในฐานะภาคเอกชน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นให้ชุมชนอื่นๆ ที่ประสบปัญหาคล้ายกัน ได้นำแนวคิดไปปรับใช้แก้ปัญหาเรื่องน้ำในพื้นที่ด้วยตนเองให้ประสบผลสำเร็จ และขยายผลต่อไป จนเกิดการบริหารจัดการน้ำชุมชนอย่างยั่งยืนในอนาคต”




สำหรับกิจกรรมในวันนี้ ณ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี นอกจาก จะมีการเสวนา Ecology Talk ในหัวข้อ “ฝายชะลอน้ำพลิกฟื้นระบบนิเวศ คืนสมดุล คน-น้ำ-ป่า ยั่งยืน” โดย ผศ.ดร.ธรรมรัตน์ พุทธไทย อาจารย์ประจำคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ นายเต้นยิ้ว วชิรพันธ์วิชาญ ผู้ใหญ่บ้าน บ้านยางโทน เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวจากการศึกษางานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม อันจะเป็นการเผยแพร่องค์ความรู้สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนแล้ว ยังมีกิจกรรมสร้างฝายชะลอน้ำ ในพื้นที่ป่ารอบมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี โดยความร่วมมือของชุมชน ภาคีเครือข่าย และกลุ่มคนรักษ์น้ำจิตอาสาที่ได้รับคัดเลือกจากการสมัครเข้าร่วมกิจกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ Facebook SCG ที่พร้อมจะสานต่อแนวคิดและการมีส่วนร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม




เอสซีจี จะยังคงเดินหน้าสานต่อโครงการ “รักษ์น้ำ จากภูผา สู่มหานที” ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นหัวใจสำคัญ รวมถึงการสร้างเครือข่ายให้เกิดพลังที่เข้มแข็ง เพื่อร่วมกันสร้างต้นน้ำที่ดี สู่ปลายน้ำอันอุดมสมบูรณ์ ก่อเกิดเป็นความสมดุลที่หล่อเลี้ยงชีวิตของผู้คนในทุกพื้นที่ พร้อมถ่ายทอดและต่อยอดแนวความคิดในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอันเป็นต้นทุนสำคัญของทุกชีวิตนี้ให้คงอยู่ต่อไป


Back