นวัตกรรมก่อสร้างครบวงจรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยดิจิทัลเทคโนโลยี ยกระดับอุตสาหกรรมการก่อสร้างไทย
นวัตกรรมการประเมินพื้นที่ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ที่ทำให้เห็นภาพรวมของพื้นที่โดยใช้โดรนบินสำรวจ ประเมินระดับความสูงต่ำของพื้นที่ สภาพแวดล้อมโดยรวม เพื่อนำข้อมูลมาออกแบบจัดทำผังโครงการ ลดความผิดพลาดในการก่อสร้าง เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พื้นที่ เกิดความปลอดภัย ลดเวลาก่อสร้าง สามารถมองภาพได้กว้างกว่าเดิม ลดเวลาการสำรวจ ประเมินพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ ตรวจสอบพื้นที่ปิดและเข้าถึงได้ยาก เพื่อวางแผนการซ่อมบำรุง ซ่อมแซม หรือตรวจสอบความผิดปกติ ในพื้นที่เสี่ยงอันตราย เช่น หม้อเผา หรือปล่องไฟ รวมถึงการใช้สำรวจพื้นที่หลังคา ช่วยให้ลูกค้าได้เห็นสภาพปัญหาหลังคาจริงได้อย่างชัดเจน ตลอดจนช่วยลดเวลาทำงาน โดยช่างสามารถเช็คสภาพปัญหาได้โดยไม่ต้องปืนขึ้นหลังคา เพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน นอกจากนี้ เทคโนโลยีโดรนที่เอสซีจีพัฒนาขึ้นยังสามารถคำนวณราคาได้อัตโนมัติ ทำให้ลูกค้าได้ทราบราคาเร็วขึ้น และยังสามารถวางแผนการผลิตและขนส่งได้แม่นยำขึ้น และลดความผิดพลาดในงานก่อสร้าง
เทคโนโลยีดิจิทัลที่ทำให้เห็นภาพรวมของงานก่อสร้างทุกขั้นตอน ช่วยสร้างความแม่นยำในการออกแบบ และควบคุมคุณภาพในงานก่อสร้างทั้งระบบ ตั้งแต่การออกแบบ การตรวจสอบจุดผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับการก่อสร้างด้วย Digital Construction Technologies สำหรับใช้บริหารโครงการ เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้ผลิตสินค้า ผู้ออกแบบ ผู้รับเหมาก่อสร้าง เจ้าของโครงการ ตลอดจนลูกค้า ได้เห็นภาพเดียวกัน ตั้งแต่การออกแบบโครงการ ขณะก่อสร้าง และหลังจบโครงการ ติดตามความคืบหน้าและควบคุมงานก่อสร้างให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเมื่อส่งมอบงานแล้ว ยังสามารถนำข้อมูลไปใช้บริหารอาคารต่อไป ลดความผิดพลาดในงานก่อสร้างทั้งการตีกลับและการทำงานซ้ำ และลดการสูญเสียทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งเวลา แรงงาน เศษวัสดุ ระหว่างการก่อสร้างได้ 5-15% ขึ้นอยู่กับแต่ละประเภทของโครงการ
นวัตกรรมการออกแบบและการพิมพ์สามมิติสำหรับการก่อสร้างยุคใหม่ที่เป็นมิตรกับโลก ด้วยการออกแบบที่ช่วยเพิ่มอิสระให้กับรูปแบบโครงสร้างและตัวอาคารที่มีความโค้งและพื้นผิวที่มีลวดลายได้หลากหลายตามที่ต้องการ การใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติ ที่สามารถนำมาขึ้นรูปด้วยปูนซีเมนต์ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของเอสซีจี ทำให้ก่อสร้างรวดเร็ว ลดเศษวัสดุในไซต์งานก่อสร้าง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมใช้งานได้ทั้งในกลุ่มงานก่อสร้าง งานตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์ ชิ้นงานตกแต่งแลนด์สเคป รวมทั้งปะการังเทียม โดยสามารถพิมพ์ขึ้นรูปทั้งแบบในพื้นที่ก่อสร้าง (on-site) และแบบผลิตจากโรงงาน (off-site) ทั้งยังช่วยให้ก่อสร้างได้เร็วขึ้น 30% ในส่วนของการก่อสร้างผนัง ใช้แรงงานน้อยลง 50% และลดเศษวัสดุในไซต์งานก่อสร้าง
“CPAC High Strength Fiber-Reinforced Concrete Bridge” หรือการก่อสร้างสะพานด้วยเทคโนโลยี UHPC (Ultra-high Performance Concrete) เพื่อการแก้ปัญหาด้านวิศวกรรมโครงสร้างของสะพานชนิด Arch Bridge ที่มีข้อจำกัดในด้านความสูง ซึ่งฐานรากจะต้องรับแรงถีบในปริมาณสูง ส่งผลให้ต้นทุนในการก่อสร้างสูงขึ้นเป็นอย่างมาก จึงมีการเปลี่ยนการออกแบบเป็นระบบคานยื่น ออกจากสองฝั่งเพื่อกำจัดแรงถีบเข้าสู่ฐานราก และใช้เทคโนโลยี UHPC (Ultra-high Performance Concrete) ในการรับแรงดัดในคานโครงสร้าง นอกจากนั้นในโครงการยังมี การพัฒนาระบบเครื่องจักร ในการผสม การพัฒนาสารลดน้ำอย่างแรงที่ใช้ในส่วนผสม รวมทั้งมีการออกแบบติดตั้ง ระบบการตรวจวัดสุขภาพสะพาน ที่สามารถติดตามความแข็งแรงของโครงสร้างตลอดอายุการใช้งาน นับว่าเป็นเทรนด์การก่อสร้างสะพานยุคใหม่ของโลก ที่สำคัญยังคงยึดหลักกลยุทธ์ Green Construction หรือการก่อสร้างสีเขียว ตอบโจทย์ด้าน Low Carbon Construction เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการก่อสร้างเพื่อการเติบโต อย่างยั่งยืนตามแนวทาง ESG
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://web.cpac.co.th/micro/cpac-green-solution/th/home
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://web.cpac.co.th/en/product/416/concrete-low-carbon
ปัญหาโลกร้อนกำลังเป็นปัญหาใหญ่ที่ผู้คนตระหนักและกำลังช่วยกันแก้ไข ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการเลือกใช้สินค้าที่รักษ์โลกและประหยัดพลังงานกันมากขึ้น เอสซีจีตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาดังกล่าว จึงได้ออกแบรนด์ฉลาก SCG Green Choice เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือกใช้สินค้าบริการของเครือเอสซีจี ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างชัดเจน อีกทั้งฉลากนี้จะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยผลักดันเป้าหมายสู่ Net Zero และช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคในการสร้างโลกที่ยั่งยืน จากข้อมูลที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญและเลือกใช้สินค้าและผลิตภัณฑ์ SCG Green Choice เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้ชื่่อ SCG Green Choice จำนวน 232 รายการ คิดเป็นรายได้จากการขายใน 9 เดือนแรกของปี 2565 เท่ากับ 223,019 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายที่จะเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์รั์กษ์สิ่่งแวดล้อม โดยตั้้งเป้าเพิ่่มสัดส่วนยอดขายผลิตภัณฑ์ฉลาก SCG Green Choice จากร้อยละ 50 เป็น ร้อยละ 67 ภายในปี 2573
ทั้งนี้ สินค้าที่ได้รับการรับรองจากฉลาก SCG Green Choice เช่น ระบบถ่ายอากาศ ระบบภายในอาคาร ปูนงานโครงสร้าง เอสซีจีสููตรไฮบริด ระบบหลัังคา SCG Solar Roof Solutions โซลูชันงานก่อนสร้าง สุขภัณฑ์และก๊อกน้ำ กระเบื้องเซรามิก ฉนวนกันความร้อน บรรจุภัณฑ์ Green Carton ผลิตจากกระดาษลูกฟูก และ เม็ดพลาสติก HDPE สาหรับขึ้นรูปฟิล์ม สามารถผสมเม็ดรีไซเคิล HDPE ได้อย่างน้อย 30% และยังคงความแข็งแรงของฟิล์มเท่าเดิม ฯลฯ โดยผลิตภัณฑ์และบริการที่ได้รับการรับรองมีคุณสมบัติ ดังนี้
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.scgbuildingmaterials.com/th/campaign/scg-green-choice
ดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม มุ่งพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์เมกะเทรนด์โลก และมุ่งเน้นนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ Green Innovation ภายใต้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียนที่สอดคล้องกับแนวทาง ESG การลดใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยได้พัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (High Value Added Products & Services – HVA) ตอบรับ 5 อุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องตามเมกะเทรนด์โลก ได้แก่ กลุ่มบรรจุภัณฑ์ ยานยนต์ โครงสร้างพื้นฐาน สุขภาพ และโซลูชันด้านพลังงาน ตามทิศทาง “ธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน” (Chemicals Business for Sustainability)
SCGC คิดค้นนวัตกรรมพลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้แบรนด์ SCGC GREEN POLYMER™สามารถนำมาผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ดีต่อโลกมากยิ่งขึ้น ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน มุ่งใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน โดย SCGC ตั้งเป้าหมายเพิ่มปริมาณการขายรวมสินค้ากลุ่ม Green Polymer เป็น 1 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2573 SCGC GREEN POLYMER™ ครอบคลุม 4 โซลูชันได้แก่
เม็ดพลาสติกชนิด HDPE จากเทคโนโลยี SMX™ ช่วยลดน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์ประเภทขวดได้ถึง 22% มีความแข็งแรงมากขึ้น รับแรงกระแทกได้ดี ทนต่อสารเคมี เหมาะสำหรับการผลิตบรรจุภัณฑ์ได้หลากหลาย ทั้งสำหรับใช้ในครัวเรือน และในอุตสาหกรรม
นวัตกรรมสารเคลือบชั้นฟิล์มป้องกันการซึมผ่านของอากาศ รับรองมาตรฐานสากล เป็นรายแรกในอาเซียน โดย RecyClass
นวัตกรรมสารเคลือบชั้นฟิล์มฯ ดังกล่าวจะช่วยทดแทนการใช้วัสดุที่หลากหลายในแต่ละชั้น (Multi-Material) ของบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน อาทิ บรรจุภัณฑ์ที่ใช้กับอาหารแช่เย็น อาหารแช่แข็ง อาหารแห้ง และซองบรรจุภัณฑ์ชนิดเติมสำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายและน้ำยาทำความสะอาด โดยเหลือเพียงพลาสติกประเภทเดียวกันทั้งชิ้นงาน (Mono-Material) จึงสามารถนำไปรีไซเคิลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นำพลาสติกใช้แล้วจากครัวเรือนมาผ่านกระบวนการรีไซเคิลเชิงกล พร้อมปรับปรุงคุณสมบัติด้วยสูตรเฉพาะของ SCGC ทำให้สามารถเปลี่ยนพลาสติกใช้แล้ว ให้กลายเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง ชนิด HDPE LDPE และ PP ทั้งยังสามารถตรวจสอบย้อนกลับไปสู่แหล่งที่มาของพลาสติกใช้แล้วที่ถูกนำมาใช้ได้ สอดคล้องกับมาตรฐานระดับโลกอย่าง Global Recycled Standard (GRS) สามารถใช้ทดแทนเม็ดพลาสติกใหม่ได้ตั้งแต่ 25-100% ทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ 70%* นำมาสู่ความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำระดับโลก เช่น ความร่วมมือกับ Unilever ในการพัฒนาขวดบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าแบรนด์ซันไลต์จากพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง ชนิด HDPE
*คำนวณจาก Thailand GHG Management Organization guidelines
จากแนวโน้มความต้องการพลาสติกรีไซเคิลในตลาดโลกที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง SCGC ได้เข้าสู่ธุรกิจด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ตลาดเติบโตสูง โดยได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้นบริษัท ซีพลาสต์ (Sirplaste) ผู้นำด้านพลาสติกรีไซเคิลในประเทศโปรตุเกส โดยจะเข้าร่วมบริหารกิจการ และพัฒนาต่อยอดด้านเทคโนโลยีรีไซเคิลที่มีคุณภาพสูง (High Quality Post-Consumer Recycled Resin – PCR) รวมทั้งขยายตลาดพลาสติกรีไซเคิลไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทำให้บริษัทมีผลิตภัณฑ์ใหม่ในมือที่พร้อมจะออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับตลาดบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกที่เพิ่มขึ้นในระยะยาว
เม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงที่ผลิตออกสู่ตลาดผ่านการรับรองมาตรฐาน EuCertplast ซึ่งเป็นมาตรฐานยุโรปที่รับรองแหล่งที่มาของวัตถุดิบในการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิล ทำให้ลูกค้า เจ้าของแบรนด์สินค้า รวมถึงผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้นั้น ผลิตจากพลาสติกใช้แล้วซึ่งมีแหล่งที่มาอย่างชัดเจน ช่วยลดปัญหาขยะและสร้างคุณค่าใหม่ให้กับพลาสติกใช้แล้ว สร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจและโลกใบนี้อย่างแท้จริง
การลงทุนในครั้งนี้ รวมถึงการลงทุนด้านเทคโนโลยีและเครื่องจักรใหม่ ทำให้สามารถขยายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง ชนิดพอลิเอทิลีนความหนาแน่นสูง (High Quality Post-Consumer Recycled Resin – PCR) เพิ่มขึ้นอีก 25% หรือราว 9,000 ตันต่อปี ส่งผลให้บริษัทซีพลาสต์ จะมีกำลังการผลิต
เม็ดพลาสติกรีไซเคิลรวมกว่า 45,000 ตันต่อปี ภายในปี 2566 เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งในยุโรปและแอฟริกาที่มีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
SCGC ลงนามซื้อกิจการของบริษัท Recycling Holding Volendam BV หรือ “Kras” (คราส) ผู้นำด้านการจัดการวัสดุเหลือใช้จากประเทศเนเธอร์แลนด์ และยังมีกิจการที่ครอบคลุมการรีไซเคิลพลาสติกตลอดทั้งห่วงโซ่ธุรกิจ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินธุรกิจของ SCGC ที่มุ่งเน้นการเป็นผู้นำธุรกิจเคมีภัณฑ์ครบวงจรเพื่อความยั่งยืน ด้วยการพัฒนานวัตกรรมพลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมเสริมแกร่งให้กับธุรกิจด้วยการนำผลิตภัณฑ์กลุ่ม Green Polymer รุกตลาดพลาสติกรีไซเคิลในทวีปยุโรป สำหรับ Kras เนเธอร์แลนด์ ประกอบธุรกิจหลักด้านการจัดเก็บและคัดแยกพลาสติกและกระดาษใช้แล้วจากครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมด้วยความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมากว่า 65 ปี มีความสามารถในการจัดหาและรวบรวมขยะพลาสติกอยู่ที่ 160,000 ตันต่อปี ซึ่งส่วนมากเป็นวัสดุคุณภาพดีจากภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังถือหุ้นในบริษัทที่ทำธุรกิจด้านการรีไซเคิลพลาสติกอย่างบริษัท REKS LLC ซึ่งเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลในประเทศโคโซโว มีกำลังการผลิต 9,000 ตันต่อปี และมีแนวโน้มเติบโตแบบเท่าตัวในปี 2023 รวมถึงการถือหุ้นบริษัท Circular Plastics BV ซึ่งทำธุรกิจด้านโซลูชันการขนส่งและบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนในประเทศเนเธอร์แลนด์
เม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง ชนิดไร้กลิ่น (High Quality Odorless PCR) จากกระบวนการ
Mechanical Recycling
สำหรับบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัวที่ต้องการเน้นเรื่องกลิ่นหอม
เกิดจากการนำพลาสติกใช้แล้วภายในประเทศไทยมาคัดแยกและทำความสะอาดด้วยกระบวนการที่ทันสมัยเพื่อความสะอาดปลอดภัย พร้อมใช้เทคโนโลยีการกำจัดกลิ่น เมื่อนำไปขึ้นรูปเป็นบรรจุภัณฑ์ จึงปราศจากกลิ่นไม่พึงประสงค์ เหมาะสำหรับนำไปไปผลิตบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัวที่ต้องการเน้นเรื่องกลิ่นหอม และยังสามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบในการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลนี้ได้ โดยผ่านการรับรองจาก Global Recycled Standard (GRS) นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับ Lion เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์จากพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูงชนิดไร้กลิ่น (High Quality Odorless PCR Resin)
เม็ดพลาสติก Certified Circular Polyolefin Resin จากกระบวนการ Advanced Recycling เปลี่ยนพลาสติกใช้แล้วที่ยากต่อการรีไซเคิล มาเป็นวัตถุดิบตั้งต้นของโรงงานปิโตรเคมี สามารถนำมาผลิตเม็ดพลาสติกใหม่ได้อีกครั้ง โดยมีคุณสมบัติและคุณภาพเทียบเท่ากับเม็ดพลาสติกใหม่ (Virgin Plastic) ผ่านการรับรองมาตรฐานความยั่งยืน ISCC PLUS ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ตอบโจทย์อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาหารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดปัญหาขยะสะสมในประเทศ
SCGC พัฒนาเม็ดพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (Bio-Compostable Compound Resin) พร้อมให้นำไปขึ้นรูป
ผลิตเป็นถุงย่อยสลายได้ และล่าสุด SCGC ได้พัฒนานวัตกรรมสารเติมแต่ง EcoBioPlas
เพื่อกระตุ้นการย่อยสลายทางชีวภาพโดยไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการขึ้นรูปผลิตภัณฑ์และคุณสมบัติของชิ้นงานพลาสติก
นอกจากนี้ SCGC ยังได้ร่วมมือกับ Braskem เพื่อศึกษาแนวทางและความเป็นไปได้ในการผลิตพลาสติกชีวภาพ (Bio-Based
Polyethylene) จากผลผลิตทางการเกษตรซึ่งถือเป็นการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนอีกด้วย
เม็ดพลาสติก Bio-Compostable Compound พลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพ
ทางเลือกใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
มีคุณสมบัติพิเศษพร้อมให้นำไปขึ้นรูปฟิล์มสำหรับผลิตสินค้าจำพวกถุงย่อยสลายได้ ใช้งานในทั้งในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม เพิ่มความสะดวกสบายและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตได้เป็นอย่างดี พร้อมกับคุณสมบัติที่ครบเครื่องตามความต้องการของผู้ผลิตและผู้ใช้งาน ผ่านการรับรองจากสถาบันชั้นนำของโลกอย่าง DIN CERTCO ประเทศเยอรมนี ว่าสามารถย่อยสลายทางชีวภาพในอุตสาหกรรม (Industrial compostable) ได้จริง ภายใต้สภาวะอุณหภูมิที่ 60 องศาเซลเซียส โดยจะแปรสภาพเป็นคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำ และสารชีวมวล ภายใน 180 วัน โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งยังสามารถหมุนเวียนกลับมาใช้ในเชิงนิเวศได้อย่างสมบูรณ์
EcoBioPlas นวัตกรรมสารเติมแต่งแบบตัวกระตุ้นการย่อยสลายทางชีวภาพ
เพื่อเร่งการย่อยสลายทางชีวภาพของพอลิโพรพิลีน
(Biodegradable additive for PP) มีคุณสมบัติพิเศษช่วยกระตุ้นการย่อยสลาย ด้วยกลไกตัวเร่งปฏิกิริยาการตัดสายโซ่ของพอลิเมอร์ภายใต้กลการชักนำด้วยแสง ความร้อน และความชื้น ให้เป็นโมเลกุลที่เล็กลง และชักนำให้จุลินทรีย์ (Microorganisms) ในธรรมชาติมากัดกินชิ้นงานพลาสติก ย่อยสลาย เป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำ และสารชีวมวล (กรณีการเกิดการย่อยสลายในภาวะมีออกซิเจน) โดยการใส่สารเติมแต่งนี้ จะช่วยให้พลาสติกเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ และคุณสมบัติของชิ้นงานพลาสติก (Mechanical properties)
SCGC x Braskem ร่วมมือขับเคลื่อนพลาสติกชีวภาพ (Bio-Based Polyethylene)
SCGC ผนึกกำลังร่วมกับ Braskem (บราสเคม) ผู้นำด้านพลาสติกชีวภาพระดับโลกจากประเทศบราซิล โดยได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในโรงงานผลิตพลาสติกชีวภาพในประเทศไทย เพื่อผลิตไบโอ-เอทิลีน (bio-based ethylene) ซึ่งจะนำไปผลิตเป็นเม็ดพลาสติกประเภทไบโอ-พอลิเอทิลีน (bio-based polyethylene) หรือ Bio PE เพื่อตอบโจทย์ความต้องการพลาสติกชีวภาพในเอเชียและตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งช่วยส่งเสริมการใช้พลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในกลุ่มผู้บริโภคสายกรีน
นอกจากนี้ SCGC ยังได้ดำเนินโครงการปิโตรเคมีครบวงจร Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) เป็นคอมเพล็กซ์ปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกของประเทศในเวียดนาม และเป็นบริษัทย่อยใน SCGC โดย SCGC ถือหุ้น 100% มีความสามารถแข่งขันในเชิงธุุรกิจเนื่องจากเป็นโครงการที่เชื่่อมโยงโรงงานปิโตรเคมีขั้นต้นถึงขั้นปลายครบวงจร เวียดนาม มีการนำเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาปรับใช้ตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อยกระดับ Operational Excellence ไปอีกขั้น รวมถึงเพื่อพัฒนากระบวนการผลิตให้มีความปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น โดยดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน มุ่งเน้น ESG สร้างการเติบโตควบคู่กับการคำนึงถึง สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล
LSP ยังตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีศักยภาพสููง โดยอยู่ห่างจากนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นตลาดหลักและเป็นเมืองศููนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนามเพียงประมาณ 100 กิโลเมตร และอยู่ติดกับชายฝั่่งทะเลน้้ำลึก ทำให้สะดวกต่อการนำเข้าวัตถุุดิบและส่งออกผลิตภัณฑ์ และมีท่าเรือคอนเทนเนอร์ระหว่างประเทศขนาดใหญ่ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง จึงสะดวกต่อการส่งผลิตภัณฑ์เม็ดพอลิเมอร์ไปจำหน่ายในตลาด
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.scgchemicals.com/kfair/k2022/lsp#present
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : scgchemicals@scg.com
Shinkolite (ชินโคไลท์) แผ่นอะคริลิกโปร่งแสง เกรดพรีเมียมชั้นนำระดับโลก เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งกว่า
ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือของ SCGC และมิตซูบิชิ เคมิคอล คอร์ปเปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้รับการรับรองฉลาก SCG Green Choice ในกลุ่มนวัตกรรมประหยัดพลังงานและลดโลกร้อน (Climate Resilience) มีคุณสมบัติพิเศษ
ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.shinkolite.co.th/
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : SCG Contact Center โทร 02-586-2222
มุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยด้วยการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) และเดินหน้าขยายธุรกิจด้วยการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงกลยุทธ์การควบรวมกิจการกับพันธมิตรชั้นนำ (Merger & Partnership : M&P) เช่น การลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหาร และธุรกิจรีไซเคิล เพื่อรองรับเทรนด์ในปัจจุบัน และตอบรับความต้องการของลูกค้าด้วยสินค้า บริการ และโซลูชันที่หลากหลายและครอบคลุม ตอบโจทย์ทุกวิถีชีวิตของผู้บริโภค หรือ Evolve the way of life
เทรนด์ความต้องการบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ SCGP รุกขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องในธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ในรูปแบบ M&P โดยได้ถือหุ้นร้อยละ 100 ใน Peute Recycling B.V. หรือ Peute (เพอเธ่) ผู้ดำเนินธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์และจำหน่ายวัตถุดิบกระดาษและพลาสติกรายใหญ่ที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์ และเข้าถือหุ้นร้อยละ 90.1 ใน Jordan Trading Inc. หรือ Jordan (จอร์แดน) ผู้ดำเนินธุรกิจจัดหาและจำหน่ายวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล (Recovered Paper - RCP) ที่ตั้งอยู่ในรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจบรรจุภัณฑ์ครบวงจรของบริษัทฯ