DIGITAL LOGISTICS & SUPPLY CHAIN SOLUTIONS

กลุ่มประเทศในอาเซียนนับว่ามีการฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด 19 ได้รวดเร็ว ทำให้เศรษฐกิจภูมิภาคฟื้นตัวดีขึ้น ขณะเดียวกันเศรษฐกิจและการค้าโลกก็ฟื้นตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยส่งเสริมอีกหลายด้าน เช่น การฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะการบริโภค การส่งออกขยายตัว การสร้างความเชื่อมโยงด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี รวมถึงความพยายามผลักดันให้อาเซียนเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุน จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยสำหรับการแข่งขันเพื่อสร้างการเติบโต


1. บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนครบวงจร โดย SCGJWD (Digital Logistics & Supply Chain Solutions)

ปัจจุบันธุรกิจขนส่งมีแนวโน้มเติบโตจากการนำเข้าและส่งออกสินค้าที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ภาครัฐมีนโยบายในการสนับสนุนการเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ทั้งท่าเรือ รถไฟ ถนน และสนามบินของประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยมีความเชื่อมโยงทางการค้าที่สำคัญในภูมิภาค

SCGJWD ให้บริการโซลูชันด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจร (Integrated Logistics and Supply Chain Solutions Provider) รายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน สามารถให้บริการครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งสินค้าทั่วไป สินค้าควบคุมอุณหภูมิ สินค้าอันตราย และสินค้าเฉพาะกลุ่มที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น ยาและเวชภัณฑ์ งานศิลปะ เป็นต้น ด้วยบริการขนส่งจากต้นทางไปยังปลายทางโดยตรง (Direct Shipment) และ บริการขนส่งสินค้าหลายรูปแบบ (Multi-model Transport) ทั่วประเทศ รวมถึงบริการขนส่งสินค้าข้ามชายแดน (Cross Border) พร้อมทั้งมีเครือข่ายโลจิสติกส์ครอบคลุมทั่วอาเซียน (Reginal Logistics) จึงพร้อมต่อยอดตลาดของลูกค้าให้เติบโต ให้บริการใน 9 ประเทศ ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย พม่า ลาว กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ รวมทั้งจีน โดย SCGJWD มีบริการโซลูชันด้าน โลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจร ประกอบด้วย

• บริการโครงสร้างพื้นฐานสำหรับงานด้านโลจิสติกส์ (Logistics Infrastructure) เช่น บริการท่าเทียบเรือชายฝั่ง (Port and Terminal) บริการเรือลำเลียงสินค้า (Barge) บริการเดินพิธีการศุลกากร (Customs Clearance)

• บริการจัดการคลังสินค้าแบบครบวงจร (Warehouse & Yard Management) ทั้งบริการคลังสินค้าทั่วไปทุกกลุ่มอุตสาหกรรม บริการคลังสินค้า Fulfillment บริการคลังสินค้าเฉพาะทาง เช่น สินค้าควบคุม อุณหภูมิ สินค้าอันตราย สินค้าอุตสาหกรรมยานยนต์ สินค้าด้านศิลปะเชิงพาณิชย์ เป็นต้น รวมถึง บริการให้เช่าพื้นที่เก็บของด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง ด้วยพื้นที่คลังสินค้ากว่า 2.3 ล้านตารางเมตร

• บริการขนส่งสินค้าหลายรูปแบบ (Multi-model Transport) เชื่อมต่อรูปแบบทุกโหมดการขนส่งทั้งทางรถ ทางเรือ ทางราง และ ทางอากาศ บริการขนส่งสินค้าข้ามชายแดน รวมถึง บริการขนส่งสินค้า โครงการ และ สินค้าขนาดใหญ่ ที่ต้องมีความเชี่ยวชาญในการขนส่งเป็นพิเศษ (Project Cargo)

• บริการขนส่งสินค้าจากร้านค้าถึงลูกค้าปลายทาง (Last Mile Delivery) เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ E-Commerce ทั้งกลุ่มลูกค้าระหว่างเจ้าของธุรกิจสู่เจ้าของธุรกิจและเอื้อให้เจ้าของธุรกิจขายสินค้าไปสู่ผู้บริโภค (B2B2C : Business-to-Business-to-Customer) กลุ่มลูกค้าระหว่างเจ้าของธุรกิจสู่ผู้บริโภค (B2C : Business-to-Customer) กลุ่มลูกค้าที่ต้องการย้ายถิ่นฐานการทำธุรกิจ (Relocation) รวมถึง บริการเสริม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสินค้า หรือ บริการ (Value Added Service)

โดยบริการทั้งหมดนี้ได้มีการนำเทคโนโลยีไอทีที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมประสิทธิภาพ และความปลอดภัยในทุกกระบวนการการให้บริการ เช่น ระบบควบคุมการจัดการโลจิสติกส์ และ ซัพพลายเชน (Control Tower) ระบบ Telematics ติดตามข้อมูลการขับขี่ และแจ้งเตือนพฤติกรรมคนขับ ระบบจัดเก็บ และ เบิกจ่ายสินค้าอัตโนมัติ (ASRS) ฯลฯ รวมถึงมีโรงเรียนทักษะพิพัฒน์ เพื่อฝึกทักษะการขับขี่ปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่รถบรรทุก รถโฟล์คลิฟท์ อีกทั้งยังมุ่งมั่นสู่การเป็น “Green Logistic” มุ่งเน้นการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และ สังคม ด้วยการลดการใช้พลังงาน ผ่านการเลือกใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า และ การใช้พลังงานจาก Solar Roof ภายในคลังสินค้า เพื่อตอบโจทย์ด้าน ESG อย่างยั่งยืน

ข้อมูลเพิ่มเติม : www.scglogistics.co.th, https://scgnewschannel.com/th/scg-news/scgl-x-jwd-announces-merger-deal/
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: 025867777 หรือ Facebook : scglogistics หรือ Line @scgl