RPA เทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่เพิ่มความสุขให้ลูกค้าและผู้ให้บริการ SCG Logistics

หนึ่งในเทคโนโลยีดิจิทัลสำคัญที่สามารถช่วยลดต้นทุนทั้งด้านเวลาและค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทได้ คือ RPA หรือ Robotic Process Automation ซึ่งเป็นการนำหุ่นยนต์มาใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ สามารถทำงานที่มีระบบขั้นตอนชัดเจน ที่สำคัญสามารถทำงานได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมงและมีความถูกต้องแม่นยำสูง กล่าวได้ว่าการใช้โรบอท RPA เข้ามาทำงานใน SCG Logistics 1 ตัว สามารถทำงานได้เทียบเท่าการทำงานของพนักงานถึง 3 คน

งานที่นิยมใช้ RPA เข้ามาช่วยคืองานเกี่ยวกับการจัดเก็บข้อมูล การคีย์ข้อมูล ซึ่งแต่เดิมทีความแม่นยำและความถูกต้องของงานมักจะผันแปรไปตามจำนวนงานกับจำนวนพนักงาน หากช่วงไหนงานมีปริมาณเยอะเกินกว่าจำนวนพนักงานมากเกินไป ข้อผิดพลาดหรือความคาดเคลื่อนของข้อมูลก็สามารถเกิดขึ้นได้ในบางกรณี ซึ่งการใช้ RPA จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้

 

ต้องพัฒนา RPA ให้ทำงานเหมือนกับพนักงานทุกขั้นตอน

การใช้เทคโนโลยีอย่าง RPA เข้ามาช่วยนั้น บริษัท SCG Logistics จะมีการพัฒนาโปรแกรมหุ่นยนต์ให้ทำงานให้ถูกขั้นตอนอย่างละเอียด ตั้งแต่ขั้นตอนแรกไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย เนื่องจากทุกขั้นตอนมีความสำคัญและหากเราข้ามขั้นตอนไหนไป ก็อาจส่งผลให้เกิดข้อผิดพลาดในการทำงานจริงได้ ซึ่งตรงส่วนนี้พนักงานในแต่ละแผนกที่บริษัทมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลอย่าง RPA เข้าไปปรับใช้ โดยจะเป็นผู้ช่วยในการสอนและตรวจสอบการทำงานจริงของ RPA อย่างละเอียด รวมถึงให้ข้อแนะนำและฟีดแบคถึงการทำงานส่วนต่าง ๆ ไปพัฒนา RPA ต่อไป เพื่อให้ RPA ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุด

สาเหตุที่พนักงานต้องติดตามการทำงานของ RPA อย่างใกล้ชิด เป็นเพราะ RPA เป็นระบบที่มาช่วยพนักงานในการทำงาน รวมถึงต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงาน ดังนั้นหากการสอน RPA ไม่เป็นไปตามกระบวนการทำงานที่ควรจะเป็น ก็จะส่งผลให้ RPA ทำงานออกมาผิดพลาดได้ หรือ หากระบบคอมพิวเตอร์ที่นำมาใช้เกิดการดาว์นขึ้นมา เราต้องมีแผนฉุกเฉินที่จะรับรองปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งพนักงานต้องสามารถเข้าไปทำงานที่รันอยู่ต่อได้ทันที นั่นเป็นสิ่งสำคัญที่พนักงานคือส่วนสำคัญหลักที่อยู่ในขั้นตอนการพัฒนา RPA อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด

RPA คือตัวช่วย ไม่ใช่ตัวแทน

ความท้าทายอย่างมากในการปรับใช้เทคโนโลยีอย่างดิจิทัล RPA ในแต่ละองค์กรเพื่อทดแทนการทำงานในแต่ละแผนกนั้น จะอยู่ที่ “ความเข้าใจ” และ “การปรับตัว” ของพนักงานในองค์กรนั้น ทางบริษัท SCG Logistics มองว่าการใช้ RPA เข้ามาช่วยทำงานต้องเป็นตัวช่วยให้พนักงานแต่ละคนมีความสุขและทำงานได้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น พนักงานสามารถนำเวลาทำงานที่ได้คืนมาจากการทำงานของ RPA ไปใช้ในการเรียนรู้งานลักษณะใหม่ๆ ลองวางแผนจัดการงานส่วนต่างๆ สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงดูแลงานของแผนกตัวเองได้ดีขึ้นได้ โดยพนักงานทุกคนไม่ต้องเสียเวลาทำงานลักษณะเดิมซ้ำๆ วนไปวนมาในแต่ละวัน

เนื่องจาก ค่า License ของ RPA แต่ละตัวค่อนข้างสูง งานที่จะนำ RPA เข้ามาช่วยทำงาน ควรมีผลกระทบต่อบริษัทค่อนข้างมาก มีกระบวนการที่แน่ชัดไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา และ รวมถึงมีคนเข้ามาเกี่ยวข้องหลายส่วน นอกเหนือจากแค่งานที่ทำในลักษณะเดิมๆ

เพิ่มความสุขทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ

ไม่ใช่ว่าการนำเทคโนโลยีดิจิทัลนี้มาใช้จะเป็นส่วนที่ทำให้บริษัทและพนักงานรู้สึกมีความสุขกับการทำงานเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความสุขและความพึงพอใจลูกค้าได้อีกด้วย เพราะลูกค้าจะได้รับบริการที่มีประสิทธิภาพ และ รวดเร็วขึ้น แต่ราคาไม่ได้แพงขึ้นตาม

อนาคตของ RPS ใน SCG Logistics 

ณ วันนี้การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่าง RPA ยังใช้อยู่เพียงบางหน่วยงานขององค์กร แต่เรามองว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่จะปรับใช้เพิ่มมากขึ้นในอนาคต เพราะเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่มีส่วนทำให้องค์กรทำงานได้มีประสิทธิภาพและตอบสนองลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสอันดีที่บริษัทจะได้ศึกษาเทคโนโลยี RPA เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจเพิ่มเติม นำไปสู่การถ่ายทอดให้กับธุรกิจอื่นๆ ที่สนใจการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้ และหวังว่าความรู้เกี่ยว RPA จะช่วยให้บริษัท SCG Logistics มีโอกาสสร้างธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจให้กับลูกค้าได้ในอนาคต

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.scglogistics.co.th

 

บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่ ?

Average rating 5 / 5. Vote count: 1

No votes so far! Be the first to rate this post.